กองทุนภูมิอากาศสีเขียว (GCF) สนับสนุนเงินทุน 38 ล้านยูโร เพื่อส่งเสริมการปลูกข้าวที่เท่าทันต่อภูมิอากาศในไทย

- ภายใต้การดำเนินการของโครงการเพิ่มศักยภาพการปลูกข้าวที่เท่าทันต่อภูมิอากาศ (Thai Rice GCF) ตลอดทั้ง 5 ปี จะส่งผลดีแก่ชาวนารายย่อยกว่า 250,000 ราย รวมทั้งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคเกษตรกรรมของไทยได้มากกว่า 2.4 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO2eq)
ในวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2566 องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) และกองทุนภูมิอากาศสีเขียว (Green Climate Fund: GCF) ร่วมลงนามเอกสารข้อตกลงการดำเนินโครงการเพิ่มศักยภาพการปลูกข้าวที่เท่าทันต่อภูมิอากาศ (Thai Rice GCF) ซึ่งเสนอโดยองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ในฐานะหน่วยงานปฏิบัติการที่ได้รับการรับรอง หลังจากที่โครงการฯ ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการของ GCF ในการประชุมครั้งที่ 37 ณ เมืองทบิลีซี ประเทศจอร์เจีย
กองทุนภูมิอากาศสีเขียวเป็นกลไกทางการเงินภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งถือเป็นกองทุนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ใหญ่ที่สุดในระดับนานาชาติ มีพันธกิจในการสนับสนุนเงินทุนแก่โครงการที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศที่กำลังพัฒนา เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (NCD) ให้เป็นไปตามความตกลงปารีส เงินทุนดังกล่าวนำมาใช้สนับสนุนโครงการที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่นเดียวกับโครงการที่ส่งเสริมการปรับตัวและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โครงการเพิ่มศักยภาพการปลูกข้าวที่เท่าทันต่อภูมิอากาศ (Thai Rice GCF) มีจุดมุ่งหมายในการส่งเสริมการทำนาที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ และเสริมสร้างศักยภาพในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Resilience) ภายใต้ระยะดำเนินการของโครงการ 5 ปี คาดว่าจะสามารถเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนและลดความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของชาวนารายย่อยจำนวน 250,000 ราย อีกทั้งจะสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำนาได้ประมาณ 2.4 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO2eq) โดยโครงการ Thai Rice GCF ผลักดันทั้งการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดผลกระทบแก่ชาวนาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

คุณมาฟาลดา ดูอาร์เต (Mafalda Duarte) ผู้อำนวยการบริหารกองทุนภูมิอากาศสีเขียว (GCF) และคุณคัทย่า คัมแมร์เรอ (Katja Kammerer) หัวหน้าฝ่ายโครงการ Green Climate Fund องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ประจำสำนักงานใหญ่ ร่วมแสดงเอกสารลงนามข้อตกลงการดำเนินโครงการ Thai Rice GCF ในการประชุมคณะกรรมการ GCF ครั้งที่ 37 ณ เมืองทบิลีซี ประเทศจอร์เจีย
โครงการ Thai Rice GCF ใช้เวลาหลายปีในการพัฒนาผ่านการปรึกษาหารือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และดำเนินการตามการให้เหตุผลแบบอุปนัย (bottoms-up logic) ซึ่งวิเคราะห์ข้อมูลจากความน่าจะเป็น โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มศักยภาพเกษตรกรรายย่อยที่เปราะบางให้สามารถตัดสินใจได้ดีขึ้นเมื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสนับสนุนการเข้าถึงเทคโนโลยีที่เท่าทันต่อภูมิอากาศ
กองทุนภูมิอากาศสีเขียว (GCF) อนุมัติเงินสนับสนุน 38 ล้านยูโร แก่โครงการฯ โดยมีงบประมาณสมทบจากหน่วยงานภาคีภาครัฐของไทย ได้แก่ กรมการข้าว ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (BMZ) และหน่วยงานภาคเอกชน
คุณแอนน่า ฮอมมาส (Ina Hommers) ผู้อำนวยการฝ่ายประสานงานแหล่งทุนและพัฒนาโครงการของ GIZ กล่าวว่า “โครงการ Thai Rice GCF ประสบความสำเร็จในการเสริมสร้างความร่วมมือและเพิ่มความไว้วางใจระหว่าง GCF และ GIZ”

คุณปวิช เกศววงศ์ รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (สส.) ร่วมกล่าวแสดงความยินดีผ่านการประชุมออนไลน์
คุณปวิช เกศววงศ์ รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (สส.) กล่าวว่า “โครงการ Thai Rice GCF มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงในภาคส่วนข้าวไทย โดยจะบรรลุผลสำเร็จได้ด้วยการเปิดตัวแนวทางปฏิบัติด้านการเกษตรที่ยั่งยืนและคำนึงถึงสภาพอากาศในวงกว้าง ซึ่งท้ายที่สุดจะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรหลายพันรายทั่วประเทศไทย”
การดำเนินงานโครงการฯ คาดว่าจะเริ่มในปี พ.ศ. 2567 และสิ้นสุดในปี พ.ศ. 2572

ตัวแทนจากกรมการข้าว โอแลม และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมันประจำประเทศไทย ร่วมพิธีลงนามเอกสารข้อตกลงการดำเนินโครงการ Thai Rice GCF ผ่านการประชุมออนไลน์จากกรุงเทพฯ