10 เมษายน 2567 – กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (สส.) โดยการสนับสนุนจากองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ประจำประเทศไทย ผ่านโครงการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายชีวภาพทางทะเลและชายฝั่ง (CCMB) อยู่ระหว่างการจัดทำร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. …. ซึ่งจะเป็นกฎหมายว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศฉบับแรกของประเทศไทย ประกอบด้วย 14 หมวด ซึ่งมีทั้งมาตรการราคาคาร์บอน (carbon pricing instruments) ได้แก่ ระบบซื้อขายสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ระบบภาษีคาร์บอน และคาร์บอนเครดิต รวมถึงการจัดตั้งกองทุนการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การกำหนดภารกิจด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การออกมาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คํานึงถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (Green Taxonomy) ภารกิจการรายงานข้อมูลปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ฯลฯ

ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ได้เน้นย้ำในงานรับฟังความคิดเห็นประกอบการจัดทำร่าง พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. …. เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา ที่กรุงเทพ ถึงความจำเป็นของการมีกฎหมายดังกล่าว ซึ่งการใช้เครื่องมือที่มีอยู่ในปัจจุบันอาจไม่เพียงพอต่อความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นกฎหมายฉบับนี้จึงจัดตั้งให้มีกลไกที่มีความจำเป็นต่อประเทศ เพื่อลดข้อจำกัดที่มีในปัจจุบัน บูรณาการการทำงานสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้ กฎหมายฉบับนี้ยังมุ่งเน้นถึงการสร้างกรอบการดำเนินงานและนิยามภารกิจที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศในระบบเศรษฐกิจแบบคาร์บอนต่ำ

นอกจากนี้ อธิบดี สส. ยังได้กล่าวว่า “กองทุนการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่จัดตั้งขึ้นโดยกฎหมายฉบับดังกล่าว จัดทำเพื่อสนับสนุนทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการลดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งการรายงานข้อมูลก๊าซเรือนกระจกเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะจะทำให้รัฐบาลมีข้อมูลเพื่อการวางแผนการจัดทำมาตรการราคาคาร์บอนในระยะยาว”

กระบวนการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะเป็นหนึ่งในกระบวนการตามกฎหมายในการจัดทำร่างกฎหมาย เพื่อเพิ่มบทบาทของประชาชนในการมีส่วนร่วมในการจัดทำร่างกฎหมาย รวบรวมความคิดเห็น ตอบคำถามและข้อกังวลของประชาชนเกี่ยวกับร่างกฎหมายนั้นๆ เพื่อนำไปพัฒนาและปรับปรุงร่างกฎหมายต่อไป โดยในเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2567 กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม โดยการสนับสนุนจาก GIZ ประจำประเทศไทย ได้จัดการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะใน 6 ภูมิภาคทั่วประเทศ ได้แก่

1. วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 จังหวัดขอนแก่น
2. วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2567 จังหวัดชลบุรี
3. วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2567 จังหวัดราชบุรี
4. วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2567 จังหวัดนครศรีธรรมราช
5. วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2567 จังหวัดเชียงใหม่
6. วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2567 กรุงเทพมหานคร

โดยในกระบวนการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะทั้ง 6 ภูมิภาค มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 1,500 คน จากหลากหลายภาคส่วนทั้งภาคเอกชน หน่วยงานรัฐ ภาคประชาสังคม ชุมชน และองค์กรระหว่างประเทศ ผ่านทางระบบออนไลน์และสถานที่จัดประชุม ซึ่งการรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวประกอบด้วยการนำเสนอเนื้อหาและกลไกในร่าง พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. …. การรับฟังความคิดเห็น การถาม-ตอบ การพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นรายหมวดของร่างกฎหมาย และการทำแบบสอบถามความคิดเห็นต่อร่างกฎหมาย

หลังการจัดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะดังกล่าวได้เสร็จสิ้นลง กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับบริษัท เดอะ ครีเอจี้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาในการจัดทำร่างกฎหมายฯ จะดำเนินการปรับปรุงร่างกฎหมายดังกล่าวโดยบูรณาการข้อคิดเห็นและคำแนะนำที่ได้รับในช่วงการรับฟังความคิดเห็น และมีกำหนดการนำเสนอร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. …. ต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยในระหว่างการจัดทำร่างกฎหมายฉบับนี้ ทางกรมฯ จะดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองของพระราชบัญญัติดังกล่าว (40-50 ฉบับ) เพื่อกำหนดรายละเอียดของกลไกต่างๆ ในพระราชบัญญัติ เช่น ระบบซื้อขายสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ระบบคาร์บอนเครดิต การรายงานข้อมูลปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ฯลฯ

อ่านร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. …. ได้ที่นี่
รับชมวิดีทัศน์นำเสนอเนื้อหาของ พ.ร.บ. พ.ศ. …. ได้ที่นี่