แผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2563 – 2565) ภายใต้ Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561 -2573 กำลังจะสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินงานในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2565 ซึ่งกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) อยู่ระหว่างการเตรียมการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2565 – 2570) โดยให้ความสำคัญกับแนวทางต้นน้ำตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนในการส่งเสริมมาตรการที่ป้องกันการใช้พลาสติกและการเตรียมการเพื่อนำกลับมาใช้ซ้ำ นอกจากนี้ แผนปฏิบัติการฯ ในระยะที่ 2 จะยังคงครอบคลุมถึงแนวทางปลายน้ำ อาทิ มาตรการด้านการรีไซเคิล การกู้คืนวัสดุกลับมาใช้ใหม่ (Recovery) และการกำจัด รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพ “การจัดการขยะพลาสติกหลังการบริโภค” ให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
ในหลักการลำดับชั้นของการจัดการขยะตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน การป้องกันการเกิดขยะเป็นมาตรการที่มีความสำคัญมากที่สุด เนื่องจากเป็นกลยุทธ์ที่มีการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ในขณะที่การกำจัดขยะผ่านบ่อฝังกลบควรเป็นแนวทางสุดท้ายที่จะนำมาดำเนินการ ซึ่งการจัดการขยะพลาสติกของประเทศไทยที่ผ่านมานั้นพบว่าเป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามกับหลักการดังกล่าว โดยมาตรการที่มีการนำมาใช้จะมุ่งเน้นไปที่นโยบายและเทคโนโลยีในการกำจัด การกู้คืนวัสดุกลับมาใช้ใหม่ และการรีไซเคิล ทั้งนี้ ข้อเสนอแนะลำดับชั้นของการจัดการขยะตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับประเทศไทย ถูกแสดงในรูปที่ 1
โครงการการทำงานร่วมกันเพื่อการลดพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวภายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (CAP SEA) ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากกระทรวงสิ่งแวดล้อม คุ้มครองธรรมชาติ ความปลอดภัยทางปรมาณูและคุ้มครองผู้บริโภค สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (BMUV) ภายใต้แผนงาน Export Initiative Green Technologies ได้เสนอแนะให้มีการกำหนดคำจำกัดความที่ชัดเจนของเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อนำไปใช้กับนโยบายในระดับประเทศ และควรกำหนดมาตรการ กิจกรรม การลงทุน และกลไกสนับสนุนอื่นๆ ตามหลักการลำดับชั้นของการจัดการขยะตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งให้ความสำคัญกับการป้องกันการเกิดขยะและการนำกลับมาใช้ซ้ำเป็นลำดับแรก รองลงมาคือการแยกความแตกต่างระหว่างการรีไซเคิลในรูปแบบต่างๆ โดยการกู้คืนวัสดุแบบเชิงกล (Mechanical Material Recovery) ควรได้รับการส่งเสริมมากกว่าการรีไซเคิลในรูปแบบอื่น นอกจากนี้ การลงทุนขนาดใหญ่ในเทคโนโลยีที่มีต้นทุนสูง เช่น การเผาขยะเพื่อนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ เทคโนโลยีการแปลงพลาสติกเป็นน้ำมัน (Pyrolysis) เทคโนโลยีการแปรสภาพพลาสติกเป็นแก๊ส (Gasification) ตามกระบวนการกู้คืนวัสดุทางเคมี (Chemical Recovery) อาจนำไปสู่สภาวะจำต้องใช้ต่อ (Lock-in Effects) และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต และอาจส่งผลเสียต่อความพยายามในการส่งเสริมการนำกลับมาใช้ใหม่และการรีไซเคิลพลาสติกเชิงกล รวมถึงการแยกประเภทขยะจากต้นทางอีกด้วย
คพ. เป็นคณะกรรมการกำกับโครงการ CAP-SEA และคณะทำงานด้านเทคนิคในการพัฒนานโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2565 – 2570) โดย คพ. ได้มีส่วนร่วมเป็นอย่างมากในชุดงานเสวนาและการประชุมเชิงปฏิบัติการด้านเทคนิควิชาการที่เป็นกิจกรรมภายใต้โครงการ CAP-SEA ซึ่งปัจจุบันมีองค์ความรู้เกี่ยวกับนโยบายต้นน้ำที่สำคัญดังนี้:
- กฎหมายว่าด้วยพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งของประเทศเยอรมนีและสหภาพยุโรป เช่น เป้าหมายการใช้พลาสติกรีไซเคิลในขวดเครื่องดื่ม PET และขวดเครื่องดื่มพลาสติกทั้งหมด
- องค์ประกอบสำคัญในการกำหนดคำจำกัดความของผลิตภัณฑ์พลาสติกที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำหรือรีไซเคิล หรือพลาสติกที่สลายตัวได้ทางชีวภาพ
- การวิเคราะห์การไหลของวัสดุ (Material Flow Analysis – MFA)
- นโยบายลดการบริโภคและส่งเสริมการใช้ซ้ำ และกรณีตัวอย่างทางธุรกิจในประเทศเยอรมนีและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โครงการ CAP SEA ได้จัดทำ (ร่าง) ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายด้านการป้องกันขยะบรรจุภัณฑ์และพลาสติกชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Single Use Plastic – SUP) แล้วเสร็จเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2565 เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการจัดกระบวนการหารือและรับฟังข้อคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในห่วงโซ่คุณค่าพลาสติกในประเทศไทย ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างเดือนเมษายนถึงมิถุนายน พ.ศ. 2565 โดยข้อมูลที่ได้รับจากกระบวนการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ในการปรับปรุงแก้ไข (ร่าง) ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายดังกล่าวให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ก่อนที่จะเสนอต่อคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อเป็นการสนับสนุนแผนปฏิบัติการด้านการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG) พ.ศ. 2564-2570 ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 รวมทั้งจะเสนอต่อคพ. ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบหลักในคณะอนุกรรมการจัดการขยะพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์ ภายใต้คณะกรรมการควบคุมมลพิษแห่งชาติอีกด้วย ทั้งนี้ ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายฉบับสมบูรณ์จะมีการจัดทำเป็นเอกสารฉบับภาษาไทยเพื่อเผยแพร่ต่อไป
นอกจากนี้ โครงการ CAP SEA ยังได้สนับสนุนการสร้างระบบนิเวศที่ส่งเสริมให้เกิดการหมุนเวียนของบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวในระบบเศรษฐกิจ โดยได้จัดทำแนวปฏิบัติในการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เหมาะแก่การรีไซเคิล (D4R Guidelines) สำหรับขวดพลาสติก PET ภาชนะบรรจุ HDPE รวมถึงขวดและแก้ว PP ซึ่งดำเนินการตามกรอบแนวคิด 5 ขั้นตอนในการพัฒนาการออกแบบเพื่อรีไซเคิล ดังแสดงในรูปที่ 2
ทั้งนี้ โครงการฯ จะเสนอแนวปฏิบัติในการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เหมาะแก่การรีไซเคิล (D4R Guidelines) ต่อสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เพื่อพิจารณาและจัดการประชุมหารือร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน โดยหากกระบวนการรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวแล้วเสร็จ สมอ. จะเสนอเพื่อให้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ตลอดจนเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์สำนักงานและงานสัมมนาต่างๆ เพื่อเผยแพร่แนวปฏิบัติฯ แก่ผู้ผลิตสินค้าพลาสติกที่เกี่ยวข้องต่อไป นอกจากนี้ กองกำหนดมาตรฐานภายใต้ สมอ. อาจพิจารณาผนวกมาตรฐานการออกแบบเพื่อการรีไซเคิล (D4R) ไว้ในข้อกำหนดทางเทคนิคของผลิตภัณฑ์ที่ใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดด้านคุณภาพขั้นต่ำ ซึ่งจะทำให้มาตรฐาน D4R บางส่วนเกิดการบังคับใช้และช่วยเพิ่มการนำไปปรับใช้ได้
โดยรวมแล้ว แนวปฏิบัติในการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เหมาะแก่การรีไซเคิล (D4R Guidelines) ถือเป็นกรอบแนวคิดพื้นฐานสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตในการใช้อ้างอิงกับคู่มือด้านข้อกำหนดทางเทคนิคของวัสดุหรือผลิตภัณฑ์บางประเภท และยังช่วยสนับสนุนการดำเนินนโยบายการป้องกันการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งอีกด้วย หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายด้านการป้องกันขยะบรรจุภัณฑ์และพลาสติกชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้งนับเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนากรอบกฎหมายว่าด้วยการออกแบบเพื่อการรีไซเคิลต่อไป