การฟื้นฟูด้วยเกษตรอินทรีย์ช่วยเพิ่มคุณภาพดิน สร้างรายได้ และส่งเสริมวิถีสวนมะพร้าวอย่างยั่งยืน
- ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา การดำเนินงานของโครงการการฟื้นฟูด้วยเกษตรอินทรีย์สำหรับมะพร้าวน้ำหอมอย่างยั่งยืน (รีแคพ) สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และชุมชน ในการสร้างความตระหนักรู้ของเกษตรกรในการจัดการสวนมะพร้าวด้วยวิถีเกษตรแบบธรรมชาติ
- การปรับเปลี่ยนวิธีจัดการสวนมะพร้าวแบบดั้งเดิมไปสู่รูปแบบการฟื้นฟูด้วยเกษตรอินทรีย์ช่วยลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับเกษตรกรและชุมชนชาวสวนมะพร้าวในท้องถิ่น
- โครงการรีแคพช่วยให้เกษตรกรมะพร้าวมีรายได้เพิ่มขึ้น สามารถปรับตัวและพร้อมรับมือกับความเสี่ยงทางสภาพอากาศที่เพิ่มขึ้น ที่มาพร้อมกับความต้องการของตลาดและผู้บริโภคที่หันมาส่งเสริมน้ำมะพร้าวหอมที่ได้มาจากห่วงโซ่อุปทานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โครงการการฟื้นฟูด้วยเกษตรอินทรีย์สำหรับมะพร้าวน้ำหอมอย่างยั่งยืน (รีแคพ) ดำเนินโครงการอย่างเป็นทางการตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2563 โดยความร่วมมือของบริษัท ฮาร์มเลส ฮาร์เวสท์ (ไทยแลนด์) จำกัด (Harmless Harvest Thailand) กองทุนดานอน อีโค่ ซิสเต็ม (Danone Ecosystem Fund) และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) โครงการฯ ทำงานอย่างใกล้ชิดกับกรมวิชาการเกษตร และกรมส่งเสริมการเกษตร ของประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับเปลี่ยนวิธีการจัดการสวนมะพร้าวแบบดั้งเดิมไปสู่รูปแบบการฟื้นฟูด้วยเกษตรอินทรีย์ ที่ไม่เพียงช่วยลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่ยังสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับเกษตรกรและชุมชนชาวสวนมะพร้าวในท้องถิ่น
ตลอดระยะเวลาการดำเนินโครงการช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2563 ถึง พ.ศ. 2566 โครงการมีการฝึกอบรมและการจัดกิจกรรมภาคปฏิบัติทั้งหมด 14 ครั้งให้กับเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวและวิทยากรใน 4 จังหวัด ได้แก่ นครปฐม ราชบุรี สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นพื้นที่หลักของการปลูกมะพร้าวน้ำหอมของประเทศไทย ทำให้สมาชิกของโครงการมีความรู้ ทักษะ และเทคนิคการฟื้นฟูสวนมะพร้าวน้ำหอมด้วยวิถีเกษตรอินทรีย์แบบยั่งยืน และเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรมะพร้าวจากการปลูกพืชแซม พืชคลุมดิน การผสมเกสรมะพร้าวจากผึ้งและการเลี้ยงชันโรง การควบคุมศัตรูพืชด้วยเกษตรอินทรีย์ และการทำปุ๋ยหมักอินทรีย์ โดยมีเกษตรกรสมาชิกโครงการทั้งหมด 384 คนและวิทยากรทั้งหมด 27 ท่านที่ผ่านการรับรองจากโครงการหลังเข้าร่วมอบรมอย่างน้อย 21 ชั่วโมง
หนึ่งในกิจกรรมที่เกษตรกรนิยมนำมาปรับใช้ภายในสวนมะพร้าวมากที่สุด ได้แก่
- การเลี้ยงผึ้งและชันโรงซึ่งเพิ่มขึ้น 25%
- การใช้ปุ๋ยหมักอินทรีย์ซึ่งเพิ่มขึ้น 17%
- การปลูกคลุมดินซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 15%
- ปริมาณอินทรียวัตถุ (วัดเพื่อประเมินสุขภาพดิน) ในสวนของเกษตรกรนำร่องเพิ่มขึ้นถึง 1.15% ภายในเวลา 28 เดือน
สำหรับกิจกรรมปิดโครงการฯ ที่จัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ ณ เวลา โฮเต็ล แอนด์ คอนเวนชั่น จังหวัดราชบุรี มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 200 คน ประกอบด้วยเกษตรกรสมาชิกโครงการรีแคพ ตัวแทนจากกรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร และสถานทูตเยอรมันประจำประเทศไทย
คุณพจมาน วงษ์สง่า ผู้อำนวยการโครงการ กลุ่มเกษตรและความปลอดภัยด้านอาหาร GIZ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “สามปีที่ผ่านมามีเกษตรกรทั้งหมด 449 รายเข้าร่วมโครงการฯ โดยครอบคลุมพื้นที่เพาะปลูกถึง 5,781 ไร่ใน 4 จังหวัดที่มีการเพาะปลูกมะพร้าว มีการจัดตั้งแปลงสาธิตจำนวน 8 แห่งในจังหวัดที่ดำเนินการ เพื่อให้ชาวสวนมะพร้าวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับท้องถิ่นและประชาชนทั่วไปสามารถเรียนรู้และเยี่ยมชมแนวทางการปฏิบัติที่ดีของโครงการรีแคพได้”
นอกจากนี้ โครงการฯยังมุ่งหาวิธีในการแปลงเศษวัสดุเหลือใช้จากการปลูกมะพร้าวให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม โดยทางโครงการได้พัฒนาสูตรปุ๋ยหมักที่ใช้เศษวัสดุเหลือใช้จากการปลูกมะพร้าว เช่น กาบ และ เปลือกมะพร้าว ทั้งหมด 3 สูตร ซึ่งสมาชิกในโครงการฯประมาณ 20% สามารถผลิตปุ๋ยอินทรีย์เพื่อใช้ในสวนของตนเอง และมีเกษตรกรต้นแบบอีก 4 รายสามารถผลิตปุ๋ยหมักในเชิงการค้า
คุณจิราภา จอมไธสง ที่ปรึกษากรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า “การรับรองผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอาจเป็นวิธีที่สามารถส่งเสริมให้เกษตรกรมะพร้าวหันมาสร้างสร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนทางการเกษตรได้ โดยโครงการรีแคพช่วยให้เกษตรกรมะพร้าวสามารถปรับตัวและพร้อมรับมือกับความเสี่ยงทางสภาพอากาศที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมาพร้อมกับความต้องการของตลาดและผู้บริโภคที่หันมาส่งเสริมน้ำมะพร้าวหอมที่ได้มาจากห่วงโซ่อุปทานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”
“ทั้งนี้ หลักสูตรของโครงการรีแคพ อุปกรณ์ทำปุ๋ยหมัก ตลอดจนเอกสารความรู้อื่น ๆ จะถูกส่งมอบให้กับหน่วยงานส่งเสริมการเกษตรของจังหวัดนครปฐม ราชบุรี สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม เพื่อนำไปขยายผลการดำเนินการฟื้นฟูด้วยเกษตรอินทรีย์สำหรับมะพร้าวน้ำหอมอย่างยั่งยืนในระดับพื้นที่ และจะเป็นประโยชน์กับสำหรับเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ชุมชน และเกษตรกรสวนมะพร้าว ในระยะยาว” คุณจิราภากล่าวเสริม
คุณแมททิว ชัวมอง ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและจัดซื้อจัดจ้าง บริษัท ฮาร์มเลส ฮาร์เวสท์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวถึงความสำคัญของการดำเนินการเกษตรมะพร้าวอินทรีย์แบบปฏิรูปอย่างต่อเนื่องหลังจบโครงการรีแคพว่า “การฟื้นฟูด้วยเกษตรอินทรีย์สำหรับมะพร้าวน้ำหอมอย่างจริงจังผ่านโครงการรีแคพเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของบริษัท ยังมีงานอีกมากมายที่เราสามารถทำให้สำเร็จได้ ทั้งเรื่องการส่งเสริมการเพาะปลูกพืชแซม และทักษะทางธุรกิจเกษตร เพื่อให้เกษตรกรสวนมะพร้าวสามารถเพิ่มผลผลิตได้อย่างยั่งยืนและปลอดภัยและส่งผลดีกับทั้งครัวเรือนของเกษตรกรและต่อการดำรงชีวิตของชุมชนและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”
คุณทัศนีย์ สำราญ หนึ่งในเกษตรกรสมาชิกระยะขยายผลของโครงการรีแคพ จากจังหวัดราชบุรี กล่าวว่า เธอได้นำความรู้ที่ได้จากการเข้าอบรมในระยะขยายผลกับโครงการ มาประยุกต์ใช้กับการปลูกพืชแซมในสวนมะพร้าวน้ำหอม ประกอบไปด้วยพืชผักตามฤดูกาลและสมุนไพรอื่นๆ เช่น ลูกยอ ผักชีฝรั่ง และโหระพา สามารถสร้างรายได้ให้กับตนเองในวัยเกษียณได้ตลอดทั้งปี และยังมีพ่อค้าแม่ค้ามารับซื้อผักปลอดภัยของตนจากในสวน นอกจากนี้ตนเองและสมาชิกในครอบครัวยังอยู่ระหว่างการเตรียมพื้นที่เพาะปลูกให้มีคุณสมบัติเพื่อขึ้นทะเบียนรับรองตัวบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications: GI) เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์มะพร้าวน้ำหอมภายของตนเองในสองปี “ดินอินทรีย์และปุ๋ยหมักทำให้เรามีสุขภาพดี ความเป็นอยู่ที่ดี และทำให้เกิดความยั่งยืนของทั้งผู้ผลิต ชุมชน และผู้บริโภค เราแค่ต้องอดทนและรู้จักรอคอยผลสำเร็จที่เราสร้างด้วยตัวเอง” คุณทัศนีย์กล่าวเพิ่มเติม
อัลบั้มภาพ
Heinrich Gudenus
Project director of Urban-Act
Email:heinrich.gudenus(at)giz.de