เจ้าหน้าที่และนักวิชาการเกษตรปฏิบัติการด้านปฐพีวิทยาจากกรมส่งเสริมการเกษตร (กสก.) กรมวิชาการเกษตร (กวก.) และฮาร์มเลส ฮาร์เวสท์ เตรียมเดินหน้าแผนถ่ายทอดความรู้และทักษะการทำเกษตรอินทรีย์แบบปฏิรูปให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวใน 4 จังหวัดภาคกลาง ได้แก่ จังหวัดนครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และราชบุรี ตลอดระยะเวลาตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2565
การฝึกอบรมวิทยากรและเกษตรกรต้นแบบ ถูกจัดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมและเมษายนที่ผ่านมา ณ อะโรแมติก ฟาร์ม จังหวัดราชบุรี หนึ่งในสวนมะพร้าวอินทรีย์ของกลุ่มเกษตรกรต้นแบบ ผู้เข้าร่วมโครงการการฟื้นฟูด้วยเกษตรอินทรีย์สำหรับมะพร้าวน้ำหอมอย่างยั่งยืน (Regenerative Coconuts Agriculture Project: ReCAP) ภายใต้ความร่วมมือระหว่างดานอน กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบนิเวศ (Danone Ecosystem Fund) ฮาร์มเลส ฮาร์เวสท์ (Harmless Harvest) และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ)
กิจกรรมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปลี่ยนแปลงแนวทางการทำเกษตรแบบดั้งเดิมไปสู่การทำสวนมะพร้าวอย่างยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวและชุมชนท้องถิ่น ผ่านการจัดการฝึกอบรมชาวสวนมะพร้าว จำนวน 350 ราย ในพื้นที่นำร่องทั้ง 4 จังหวัด ที่จัดขึ้นระหว่างเดือนมิถุนายน-พฤศจิกายนนี้ โดยมีกลุ่มเกษตรกรต้นแบบและนักปฐพีวิทยาจากภาครัฐและเอกชน จำนวน 27 ราย เป็นผู้ให้การอบรมและถ่ายทอดความรู้การทำเกษตรอินทรีย์แบบปฏิรูปที่ครอบคลุมทั้งในเรื่องการทำธุรกิจเกษตร การเสริมสร้างสุขภาพของดิน การเพาะเลี้ยงชันโรง และการควบคุมศัตรูพืช
แม่น้ำแม่กลอง แหล่งน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์จากการบรรจบกันของแม่น้ำสายหลักอย่างแควใหญ่และแควน้อยที่ทอดตัวไหลผ่านจังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี และสมุทรสงคราม ก่อนที่จะไปสู่อ่าวไทยทางตอนใต้ของประเทศ โดยบริเวณพื้นที่รับน้ำที่ปากแม่น้ำแม่กลองสายนี้แตกแขนงเป็นห้วยหนองคลองบึงได้กว่า 300 สาย พัดพาตะกอนดินที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุจากน้ำกร่อย น้ำจืด และน้ำเค็ม จนได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่ระบบนิเวศสามน้ำที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเหมาะสำหรับการทำสวนผลไม้ ไม่ว่าจะเป็นส้มโอ ลิ้นจี่ ชมพู่ ตาล ไปจนถึงผลไม้ที่ขึ้นชื่อของประเทศไทยและเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกอย่าง “มะพร้าวน้ำหอม” ทั้งนี้ จากมูลค่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวที่ส่วนใหญ่ยึดเอามะพร้าวเป็นรายได้หลักเพียงแหล่งเดียว หันมาทำเกษตรเชิงเดี่ยวที่ใช้สารเคมี เพื่อให้ได้ผลผลิตที่เพียงพอต่อความต้องการดังกล่าว
“หลังจากเข้าร่วมการอบรมในครั้งนี้ พวกเรามองเห็นโอกาสที่เกษตรกรจะสามารถฟื้นฟูสวนมะพร้าวของพวกเขา ผ่านการทำเกษตรอินทรีย์แบบปฏิรูปได้อย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้นการลดต้นทุนการผลิตและปฏิบัติตามแนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ การปลูกพืชคลุมดินและการเลี้ยงชันโรงนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรอย่างมากในอนาคต” คุณวิไลวรรณ ทวิชศรี นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ กรมวิชาการเกษตร กล่าว
คุณวิไลวรรณ ตระหนักดีว่าการปรับเปลี่ยนวิธีการทำเกษตรกรรมแบบดั้งเดิมไปสู่แนวทางแบบปฏิรูปต้องใช้เวลา แต่ด้วยการสนับสนุนจากเหล่าวิทยากรและโครงการ ReCAP นี้ จะมีส่วนช่วยในการผลักดันให้เกษตรกรชาวสวนมะพร้าวสามารถปฏิบัติตามแนวทางการทำเกษตรอินทรีย์แบบปฏิรูปได้ในวงกว้างมากขึ้น
การฝึกอบรมวิทยากรและเกษตรกรต้นแบบในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของโครงการฯ ในการก้าวเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป นับตั้งแต่การเปิดตัวโครงการในเดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2563 ที่ได้มีการจัดการฝึกอบรมกลุ่มเกษตรกรต้นแบบ จำนวน 13 ราย เกี่ยวกับแนวทางการทำเกษตรอินทรีย์แบบปฏิรูปผ่านองค์ความรู้และเทคนิคการปฏิบัติ เพื่อเพิ่มความยั่งยืนให้แก่สวนมะพร้าว พร้อมทั้งสร้างกำไรที่เพิ่มขึ้นจากผลผลิตที่มีคุณภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การทำเกษตรอินทรีย์แบบปฏิรูปช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและเสริมสร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืน คุณจิติศักดิ์ เย็นสบาย เริ่มต้นการทำสวนมะพร้าวตั้งแต่ปีพ.ศ. 2513 บนพื้นที่กว่า 48 ไร่ของเขา ในอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางของมะพร้าวน้ำหอมของประเทศไทย แต่เดิมเขาทำเกษตรเชิงเดี่ยวโดยใช้สารเคมี เพื่อเพิ่มผลผลิตมะพร้าวให้ได้ตามจำนวนที่ต้องการ
หลังจากที่ได้เข้าร่วมโครงการกับ ReCAP จิติศักดิ์ได้เรียนรู้แนวทางการฟื้นฟูด้วยเกษตรอินทรีย์ที่ช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้แก่สวนของเขาผ่านการปลูกพืชผสมผสานและการใช้ปุ๋ยหมักไส้เดือน การเลี้ยงแตนเบียนเพื่อการควบคุมศัตรูพืชอย่างหนอนหัวดำ การเลี้ยงปลาและปรับปรุงคุณภาพน้ำในร่องสวน รวมถึงการเพาะเลี้ยงผึ้งชันโรง ที่ช่วยผสมเกสรและเพิ่มผลผลิตมะพร้าวโดยไม่ทำลายระบบนิเวศในสวนของตน อีกทั้งการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการในครั้งนี้ เขายังมีโอกาสแบ่งปันประสบการณ์กับกลุ่มเกษตรกรให้เข้าถึงองค์ความรู้ บทเรียน และเทคนิคต่างๆ จากทีมงานโครงการและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
“แต่เดิมเกษตรกรมักกำจัดของเสียในสวนมะพร้าว โดยการทิ้งให้เป็นขยะอินทรีย์ทั้งหมด หลังจากที่เข้าร่วมโครงการ ReCAP ผมได้เรียนรู้แนวทางการจัดการขยะเหล่านั้นผ่านการนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการนำเอาทางมะพร้าว ทะลาย และลูกกระตุ้มไปบดย่อยทำปุ๋ยหมักธรรมชาติ หรือใช้เปลือกมะพร้าวที่เหลือทิ้งหลังจากขั้นตอนการแปรรูปเป็นวัสดุรองพื้นสำหรับปลูกเพาะพันธุ์ครั้งต่อไป ด้วยวิธีการเหล่านี้ช่วยให้ผมลดต้นทุนค่าปุ๋ย ปรับปรุงความเป็นอยู่และสร้างสุขภาพที่ดีได้” คุณพนม ฐิมาชัย หนึ่งในเกษตรกรต้นแบบกล่าว
ด้วยแนวทางการทำเกษตรแบบปฏิรูป ที่ไม่เพียงแค่ช่วยให้เกษตรกรวัย 59 ปี ประสบความสำเร็จในการผลิตมะพร้าวสดคุณภาพสูง ภายใต้การรับรองคุณภาพระดับโลกอย่างมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของสหรัฐอเมริกา (U.S. Department of Agriculture: USDA) เท่านั้น แต่คุณพนมยังได้ขยายธุรกิจสวนมะพร้าวของเขาให้ครอบคลุมตั้งแต่การบริหารจัดการสวน การจำหน่ายและแปรรูปมะพร้าวเป็นน้ำบรรจุขวดและเนื้อมะพร้าวแช่แข็ง ไปจนถึงการเพาะและจำหน่ายพันธุ์มะพร้าว
หลังจากการฝึกอบรมเกษตรกรต้นแบบในครั้งแรกเป็นระยะเวลากว่าหนึ่งปี การเดินหน้าขั้นต่อไปของโครงการ ReCAP เป็นระยะขยายผลที่จะแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมของเหล่าเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวน้ำหอม ในฐานะเกษตรกรตัวอย่างและผู้นำการปฏิบัติตามแนวทางการฟื้นฟูด้วยเกษตรอินทรีย์