พื้นที่หน่วงน้ำของ “บางระกำโมเดล” ใช้เป็นพื้นที่ป้องกันน้ำท่วมจากแม่น้ำยมเข้าสู่พื้นที่เกษตรในช่วงหน้าฝน
(photo credit: Thai-German Climate Programme – Water
ความเป็นมา
ประเทศไทยถูกจัดให้เป็นประเทศที่มี “ความเสี่ยงสูง” ซึ่งมีความเปราะบางที่สุดต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในช่วงระยะเวลา 30 ปีข้างหน้า มีความเป็นไปได้ที่จะประสบวิกฤติภัยแล้งและอุทกภัยรุนแรงบ่อยครั้งขึ้นและส่งผลเสียต่อภาคเกษตรกรรมซึ่งเปราะบางที่สุดต่อความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะกลุ่มชาวนาผู้ผลิตข้าวจำนวนมหาศาลป้อนเข้าสู่ตลาดโลก
จากสภาพอากาศที่คาดว่าจะมีความแปรปรวนแบบสุดขั้ว ข้อมูลสภาพภูมิอากาศที่ครบถ้วนเพื่อช่วยในการวางแผนงานด้านการบริหารจัดการน้ำและงานด้านเกษตรกรรม รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานในการจัดการน้ำที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการรับมือวิกฤติภัยแล้งและอุทกภัยรุนแรงที่จะเกิดขึ้น ดังนั้นแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ พ.ศ. 2561 จึงกำหนดให้การบริหารจัดการน้ำภายใต้ภาวะวิกฤติภัยแล้งและอุทกภัยเป็นเรื่องเร่งด่วนระดับชาติ ทั้งนี้ โครงการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศไทยด้วยการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพและการเกษตรแบบยั่งยืน (Enhancing Climate Resilience in Thailand through Effective Water Management and Sustainable Agriculture: E-WMSA) ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากกองทุนภูมิอากาศสีเขียว (Green Climate Fund: GCF) เพื่อบูรณาการกระบวนการบริหารจัดการน้ำโดยคำนึงถึงสภาพภูมิอากาศควบคู่ไปกับการสนับสนุนภาคเกษตรกรรมในการปรับตัว ลดผลกระทบความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น
โครงการ E-WMSA มีโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme: UNDP) เป็นหน่วยงานในการดำเนินการร่วมกับกรมชลประทาน ภายใต้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยได้กำหนดกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนโครงการแบบองค์รวมผ่านแนวทาง 3 ประการ ได้แก่
- การปรับปรุงระบบฐานข้อมูลภูมิอากาศและการสื่อสารประสานงานระหว่างหน่วยงาน
- การปรับปรุงงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการเสริมสร้างความสมบูรณ์ของโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดการน้ำ โดยใช้มาตรการปรับตัวโดยอาศัยระบบนิเวศ (Ecosystem-based Adaptation: EbA) และ
- การลดความผันผวนของวิถีชีวิตเกษตรกรด้วยการส่งเสริมด้านการเกษตรและการวางแผนในระดับท้องถิ่นเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศไทย
จากแนวทาง 3 ประการดังกล่าว UNDP มอบหมายให้องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) สนับสนุนกรมชลประทาน หน่วยงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนชุมชนในพื้นที่ เพื่อปรับปรุงแผนการจัดการทรัพยากรน้ำในลุ่มน้ำยม-น่านให้รับมือและปรับตัวต่อวิกฤติภัยแล้งและอุทกภัยรุนแรงที่จะเกิดขึ้นได้ ผ่านการเสริมสร้างและเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างแข็งทางวิศวกรรมด้วยมาตรการ EbA รวมถึงการบูรณาการแนวทาง EbA ให้เข้ากับนโยบายและการวางแผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
วัตถุประสงค์
ส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพโดยการเสริมสร้างความสมบูรณ์ของโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดการน้ำ โดยใช้มาตรการ EbA เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศไทย
แนวทางการดำเนินงาน
- การส่งเสริมศักยภาพเรื่องแนวทาง EbA
โครงการฯ มุ่งเน้นการสร้างความตระหนักและเสริมความรู้ความเข้าใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องในลุ่มน้ำยมและน่าน เกี่ยวกับความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น พร้อมทั้งกรอบการทำงานและแนวทาง EbA ที่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้
- การระบุและการสร้างมาตรการ EbA เพื่อเป็นส่วนเสริมและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโครงสร้างแข็งทางวิศวกรรม
โครงการฯ สนับสนุนและส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่กรมชลประทานคำนึงถึงการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโครงสร้างแข็งทางวิศวกรรมด้วยมาตรการ EbA ที่เหมาะสมผ่านกระบวนการการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในท้องถิ่น เริ่มจากการประเมินความเสี่ยงและความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การระบุและการจัดลําดับความสําคัญของมาตรการ EbA การพัฒนากรอบการติดตามและประเมินผล การประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาตร์เพื่อนํามาตรการ EbA ไปใช้
- การบูรณาการแนวทาง EbA ให้เข้ากับนโยบายและการวางแผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
โครงการฯ สนับสนุนให้เกิดการบูรณาการแนวทาง EbA ในการวางแผนการจัดการทรัพยากรน้ำในลุ่มน้ำยมและน่าน เช่น แผนฟื้นฟูพื้นที่เสื่อมโทรม นอกจากนี้จากประสบการณ์และบทเรียนที่ได้จากการนำมาตรการ EbA ไปใช้ในระดับลุ่มน้ำ โครงการฯ จะพัฒนาเป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อนำไปใช้ในการปรับปรุงนโยบายการจัดการน้ำในระดับประเทศ ตลอดจนสะท้อนความเชื่อมโยงสู่แผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ หรือ การมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (Nationally Determined Contribution: NDC) ภายใต้ความตกลงปารีส
สนับสนุนงบประมาณโดย
กองทุนภูมิอากาศสีเขียว (GCF) โดยผ่านโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP)
ประเทศ
ประเทศไทย (จังหวัดพิษณุโลก สุโขทัย และอุตรดิตถ์)
หน่วยงานร่วมดำเนินงาน
กรมชลประทาน (RID)
ระยะเวลาดำเนินโครงการ
เมษายน พ.ศ. 2566 – กันยายน พ.ศ. 2569