ประเทศกัมพูชาตั้งเป้าที่จะทบทวนกรอบกฎหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพในการขับเคลื่อนงานด้านการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียวของภาครัฐอย่างจริงจัง ผ่านการจัดฝึกอบรมให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่จัดซื้อจัดจ้างในภาครัฐ ภายใต้โครงการความร่วมมือระดับภูมิภาคเอเชีย
ในแต่ละปี รัฐบาลกัมพูชาใช้งบประมาณร้อยละ 20 – 30 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศสำหรับการจัดซื้อจัดจ้างในภาครัฐ ซึ่งส่วนใหญ่จะพิจารณาโดยใช้เกณฑ์ราคาที่ต่ำสุด โดยมิได้คำนึงถึงต้นทุนตามวัฎจักรชีวิตของสินค้าและบริการ ผลประโยชน์เชิงบวก และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่จะตามมา นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่จัดซื้อจัดจ้างไม่ได้ตระหนักถึงหลักการและประโยชน์ของการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่ยั่งยืน[1] (Sustainable Public Procurement: SPP) รวมทั้งขาดการเจรจาต่อรองในกรณีมีการจัดซื้อจัดจ้างระหว่างประเทศอีกด้วย
โครงการสนับสนุนการพัฒนาด้านการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืนในเอเชีย (ประเทศกัมพูชา สปป.ลาว เวียดนาม และภูฎาน) หรือ SCP Outreach ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการแก้ปัญหาดังกล่าวและได้ดำเนินงานในนามของกระทรวงสิ่งแวดล้อม คุ้มครองธรรมชาติและความปลอดภัยทางปรมาณู สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (BMU) โดยได้รับความร่วมมือจากประเทศไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 เพื่อสนับสนุนการพัฒนากรอบนโยบายให้กับหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรวมถึงประเทศกัมพูชาด้วย โดยกิจกรรมภายใต้โครงการฯ ประกอบด้วยการจัดหลักสูตรฝึกอบรมให้แก่บุคลากรภาครัฐเพื่อให้เข้าใจถึงหลักการการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่ยั่งยืน (SPP) การเตรียมความพร้อมเชิงสถาบันสำหรับการดำเนินงานตามหลักการ SPP และการสนับสนุนการแบ่งปันองค์ความรู้ระหว่างประเทศต่างๆ
การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่ยั่งยืน (SPP) คืออะไร?
การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่ยั่งยืนในความหมายโดยทั่วไป คือ การซื้อผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้งานได้นาน มีประสิทธิภาพ และประหยัดกว่าเมื่อเทียบกับการใช้งานในระยะยาว รวมทั้งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ยกตัวอย่างเช่น เครื่องถ่ายเอกสาร ซึ่งตอนแรกอาจดูเหมือนมีราคาถูก แต่พอเวลาผ่านไปกลับมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น หรือตู้เย็นที่มีประสิทธิภาพพลังงานจะช่วยประหยัดไฟฟ้ามากกว่าตู้เย็นรุ่นเก่าที่กินไฟมากกว่า
เนื่องด้วยภาครัฐเป็นหน่วยงานที่มีกำลังซื้อสูง จึงมีศักยภาพในการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยใช้หลักการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่ยั่งยืน (SPP) ซึ่งหากดำเนินการได้อย่างถูกต้อง การจัดซื้อจัดจ้างสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจะมีประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการลดต้นทุนในระยะยาว การลดผลกระทบทางลบต่อสิ่งแวดล้อม และการสร้างตลาดใหม่ๆ สำหรับสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ
เส้นทางสู่อนาคตที่ยั่งยืน
เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา โครงการฯ ได้จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการแบบออนไลน์เรื่อง “การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่ยั่งยืน” เพื่อให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับหลักการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่ยั่งยืน (SPP) ประโยชน์ กระบวนการและการสนับสนุนเชิงสถาบัน โดยผู้เข้าร่วมอบรมได้เรียนรู้การนำหลักการ SPP ไปประยุกต์ใช้จากประสบการณ์การดำเนินงานในประเทศอื่นๆ และยังได้ร่วมสะท้อนมุมมองต่อการดำเนินงานในประเทศของตนอีกด้วย
ในการอบรมครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมอบรม ยังได้รับความรู้และเรียนรู้จากประสบการณ์การดำเนินงานในทวีปยุโรปและเอเชีย โดยหนึ่งในหัวข้อที่น่าสนใจ คือ กรณีศึกษาในประเทศไทยที่นำเสนอโดย ดร. สุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา จากสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) ซึ่งได้บรรยายถึงภาพรวมการดำเนินงานด้านการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียวของภาครัฐ[2] ฉลากตะกร้าเขียว[3] และผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรมจากการดำเนินงาน อาทิ มูลค่าผลประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมที่ได้รับโดยประมาณ 79,063 ล้านบาท และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงโดยประมาณ 11.13 ล้านตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงความท้าทายในปัจจุบัน ซึ่งครอบคลุมเรื่องตลาดของสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่ยังมีขนาดเล็ก กฎหมายและข้อบังคับการจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่เอื้อต่อหลักการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียวของภาครัฐ (GPP) สินค้าและบริการที่ผ่านการรับรองฉลากสิ่งแวดล้อมยังมีจำนวนจำกัด รวมทั้งการขาดความตระหนักรู้และความเชื่อมั่นของเจ้าหน้าที่จัดซื้อจัดจ้างในภาครัฐ
ประเด็นสำคัญจากการอบรม ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานด้านการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่ยั่งยืน (SPP) ให้บรรลุผลสำเร็จ คือ แรงสนับสนุนทางการเมืองอย่างจริงจัง นโยบายภาครัฐที่เข้มแข็งในเรื่องการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน (SCP) การสนับสนุนจากหน่วยงานที่มีการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียวที่ดีอย่างต่อเนื่อง ความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐต่างๆ การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การเจรจาทางการตลาด รวมถึงการพัฒนาและส่งเสริมการรับรองฉลากสิ่งแวดล้อม
[1] การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่ยั่งยืน (SPP) หมายถึง กระบวนการที่หน่วยงานของรัฐใช้สรรหาในการจัดซื้อสินค้า จัดจ้างงานบริการและงานก่อสร้างที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและสังคมตลอดวัฏจักรชีวิตของสินค้า งานบริการและงานก่อสร้างเหล่านั้น
[2] การจัดซื้อจัดจ้างสีเขียวของภาครัฐ (GPP) คือ กระบวนการที่หน่วยงานของรัฐใช้สรรหาในการจัดซื้อสินค้า จัดจ้างงานบริการ และงานก่อสร้างที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดวัฏจักรชีวิตของสินค้า งานบริการและงานก่อสร้างเหล่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างแบบที่เคยเป็นมา
[3] ฉลากตะกร้าเขียวริเริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2551 โดยกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ได้จัดทำบัญชีรายชื่อสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งหน่วยงานด้านจัดซื้อจัดจ้างสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ได้โดยตรง และยังเป็นการส่งเสริมและขับเคลื่อนงานด้านการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียวของภาครัฐ (GPP) อีกด้วย