แนวคิดการผลิตข้าวอย่างยั่งยืนในประเทศไทยเริ่มจากการที่โครงการริเริ่มข้าวที่ดีขึ้นแห่งเอเชีย (BRIA) ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง GIZ และพันธมิตรจากทั้งภาครัฐและเอกชน เล็งเห็นความสำคัญในการส่งเสริมการผลิตข้าวอย่างยั่งยืน การเพิ่มรายได้ของเกษตรกร และการเพิ่มขีดความสามารถของเกษตรกรในจังหวัดอุบลราชธานี โดยโครงการได้ดำเนินงานมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 -2560
ขณะนี้ โครงการริเริ่มข้าวที่ดีขึ้นแห่งเอเชีย (BRIA) ดำเนินการในระยะที่ 2 แล้วในจังหวัดอุบลราชธานีและสุรินทร์ และถือเป็นโครงการแรกของโลกที่ได้รับการรับรองการผลิตข้าวเปลือกหอมมะลิไทยอย่างยั่งยืนที่มีคุณภาพสูงภายใต้เวทีเพื่อการผลิตข้าวอย่างยั่งยืน (SRP)
การผลิตข้าวอย่างยั่งยืนมีความสำคัญต่อภาคส่วนการผลิตข้าวของประเทศไทย และความต้องการข้าวในภูมิภาคเอเชียก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรในภูมิภาค ขณะนี้ภาคส่วนการผลิตข้าวของประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาการลดลงของพื้นที่เพาะปลูก การขาดแคลนแรงงานทางการเกษตรและการมีจำนวนประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้นในพื้นที่ชนบท นอกจากนี้ยังมีข้อกำหนดและกฎระเบียบที่เกิดขึ้นในเรื่องคุณภาพความปลอดภัย ความยั่งยืน และการตรวจสอบย้อนกลับของระบบการผลิต เนื่องจากผู้บริโภคมีความต้องการทางข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพของข้าวและแหล่งการผลิตมากขึ้น
ในด้านสิ่งแวดล้อม ภาคส่วนการผลิตข้าวกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนและความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตลอดจนความท้าทายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการปลูกข้าว โดยเฉพาะในภาคกลางของประเทศไทย มีการผลิตข้าวในสัดส่วนที่มากกว่าภูมิภาคอื่นๆ เนื่องจากภาคกลางเป็นพื้นที่ชลประทาน เกษตรกรสามารถปลูกข้าวนาปีและนาข้าวปรัง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงกว่าภูมิภาคอื่น ๆ
ดังนั้น การผลิตข้าวที่ยั่งยืนตามมาตรฐานการผลิตข้าวที่ยั่งยืน หรือ SRP Standard จึงเป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาในหลายระดับ ตั้งแต่ระดับเกษตรกรผู้ผลิต ระดับชุมชนไปจนถึงระดับโลก โดยในระดับเกษตรกรผู้ผลิต จะช่วยส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้และผลผลิตที่เพิ่มขึ้น ระดับชุมชน จะช่วยพัฒนาความเป็นอยู่ร่วมกันของเกษตรกรให้ดีขึ้น และในระดับโลก ที่จะช่วยพัฒนาความสามารถของเกษตรกรในการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากนาข้าว
ปัจจุบัน กรมการข้าวจับมือกับ GIZ ขยายการสนับสนุนและส่งเสริมการผลิตข้าวอย่างยั่งยืน โดยมีการดำเนินโครงการต่างๆ อาทิ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดภาวะโลกร้อนจากการทำนาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Thai Rice NAMA) โครงการตลาดนำการผลิต เพื่อเกษตรกรรายย่อย (MSVC) โครงการความร่วมมือไทย-เยอรมัน ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภาคเกษตรกรรม (TGCP-Agriculture) และโครงการข้าวหอมยั่งยืน (SARI) เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้แก่เกษตรกรเกี่ยวกับการผลิตข้าวอย่างยั่งยืนในเขตพื้นที่ปลูกข้าว 6 จังหวัดภาคกลาง (ชัยนาท พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี สุพรรณบุรี อ่างทอง และสิงห์บุรี) และ 3 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อุบลราชธานี สุรินทร์ และร้อยเอ็ด)
โครงการต่างๆ มุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมการผลิตข้าวยั่งยืน ผ่านการสร้างวิทยากรหลัก (Smart Officers) ได้แก่ เจ้าหน้าที่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และวิทยากรเกษตรกร (Smart Farmers) ซึ่งเป็นผู้นำทางการผลิตข้าวระดับชุมชน สำหรับทำหน้าที่เป็นแกนนำในการถ่ายทอดความรู้แก่กลุ่มเกษตรกรในชุมชนให้มีขีดความสามารถในการผลิตข้าวตามมาตรฐานการผลิตข้าวที่ยั่งยืน อันจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของเกษตรกรไทย และช่วยสร้างความมั่นคงทางอาหารและลดภาวะโลกร้อนไม่ให้ทวีความรุนแรงมากขึ้น
นายบุญฤทธิ์ หอมจันทร์ วิทยากรเกษตรกรตัวอย่างจากอำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท บอกเล่าประสบการณ์การทำนาแบบลดต้นทุน ได้ผลผลิตเพิ่ม โดยอธิบายการคำนวณต้นทุนการผลิตข้าวทั้งก่อนและหลังเข้าร่วมโครงการ และนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาปรับใช้ ได้แก่ การปรับพื้นที่ให้เรียบ การให้น้ำแบบเปียกสลับแห้ง การใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน และการไม่เผาตอซังข้าว นับเป็นวิทยากรเกษตรกรต้นแบบที่นำเทคโนโลยีการผลิตข้าวที่ยั่งยืนไปปรับใช้อย่างประสบผลสำเร็จ
ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2563 กรมการข้าวร่วมกับ GIZ ยังได้จัดการฝึกอบรมวิทยากรหลักเกี่ยวกับการผลิตข้าวที่ยั่งยืนขึ้นในจังหวัดนครสวรรค์และจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเกษตรกรจากทั้งสองจังหวัดนี้ล้วนเป็นกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่นอกโครงการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายผลการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตข้าวที่ยั่งยืนไปสู่เกษตรกรอย่างกว้างขวางมากขึ้น และนำไปสู่การนำไปปรับใช้ทั่วประเทศในอนาคต ภายหลังการฝึกอบรม ว่าที่วิทยากรหลักและว่าที่วิทยากรเกษตรกร มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานการผลิตข้าวที่ยั่งยืน และมีความพร้อมที่จะนำวิธีการและเทคโนโลยีที่มีประโยชน์ไปปรับใช้ในการทำนาของตนเอง โดยในปี พ.ศ. 2564 โครงการจะจัดการอบรมวิทยากรหลักเกี่ยวกับการผลิตข้าวที่ยั่งยืนให้แก่เกษตรกรในภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายในโครงการต่อไป ซึ่งเกษตรกรที่ได้รับการฝึกอบรมแล้วจะได้รับการสนับสนุนให้เป็นผู้ฝึกสอนเกษตรกรรายอื่นๆ อีกด้วย