ยามเช้าที่แปลงนาของผู้ใหญ่ ถาวร คำแผง ที่ตำบลเดิมบาง อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรีดูจะคึกคักเป็นพิเศษ เพราะมีเจ้าหน้าที่จากสถาบันวิจัยข้าวสุพรรณบุรีเข้ามาที่นาตั้งแต่เช้ามืด เพื่อทำการตรวจวัดก๊าซเรือนกระจกแปลงนา แปลงนาของผู้ใหญ่ถาวรนั้นเป็นแปลงสาธิตการทำนาแบบรักษ์โลกซึ่งอยู่ภายใต้ความร่วมมือของสถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศ กรมการข้าว และ GIZ ประจำประเทศไทย ซึ่งถ้าหากสัญจรไปมาผ่านแปลงนาของผู้ใหญ่ถาวร ก็สังเกตเห็นได้ชัดว่า จะมีกล่องใสสีขาวที่ตั้งกระจายไปทั่วแปลงนา กล่องพวกนี้มีหน้าที่ในการกักเก็บก๊าซต่าง ๆ ที่ถูกปล่อยออกมาจากนาข้าว เพื่อนำมาใช้ในการตรวจวัดก๊าซเรือนกระจก
การตรวจวัดก๊าซเรือนกระจก มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินศักยภาพการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมการเพาะปลูกข้าวยั่งยืน และการพัฒนาระบบตรวจวัด รายงานผล และทวนสอบ (Monitoring, Reporting and Verification: MRV) ที่เหมาะสมสำหรับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคการผลิตข้าว เพื่อนำข้อมูลไปคํานวณว่าในแต่ละแปลงจะผลิตก๊าซเรือนกระจกมากน้อยเท่าไหร่ และแปลงสาธิตที่ใช้เทคโนโลยีลดโลกร้อนจะลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้แค่ไหน เพื่อขยายผลออกมาเป็นเป้าหมายการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกในการวางนโยบายในอนาคต
โครงการความร่วมมือ ไทย – เยอรมัน ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภาคเกษตรกรรม (TGCP-Agriculture) ร่วมดำเนินงานกับโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดภาวะโลกร้อนจากการทำนาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Thai Rice Nama) และโครงการริเริ่มข้าวที่ดีขึ้นแห่งเอเชีย (BRIA II) ในการสนับสนุนหน่วยงานของไทยในการประเมินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในพื้นที่นาข้าวและโดยเฉพาะการพัฒนาระบบ MRV เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
แปลงนาของผู้ใหญ่ถาวร ซึ่งเป็นแปลงนาสาธิตในโครงการ Thai Rice Nama ได้นำเอา 4 เทคโนโลยีการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวและลดภาวะโลกร้อนจากการทำนามาปรับใช้ในแปลงของตน ซึ่ง 4 เทคนิค ได้แก่ 1. การปรับพื้นที่นาด้วยเลเซอร์ 2. การจัดการน้ำในนาแบบเปียกสลับแห้ง 3. การจัดการธาตุอาหารพืชและการใช้ปุ๋ย 4. การจัดการฟางข้าวและตอซัง ซึ่งช่วยให้ได้ผลผลิตข้าวที่สูงขึ้นและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำนา
ในการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ก๊าซที่ได้จากที่นา เริ่มจากการเก็บตัวอย่างก๊าซในแปลงสาธิตโดยเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยข้าวในชัยนาท พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี สุพรรณบุรี อ่างทอง และสิงห์บุรี ในภาคกลาง และอุบลราชธานี ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
จากนั้นจะนำตัวอย่างมาวิเคราะห์หาความเข้มข้นและปริมาณก๊าซเรือนกระจกด้วยเครื่องแก็สโครมาโทกราฟ (Gas Chromatograph) ณ ห้องปฏิบัติการที่ศูนย์วิจัยข้าว ซึ่งข้อมูลที่ได้จะถูกส่งไปยังส่วนกลางของกรมการข้าว เพื่อวัดความมีประสิทธิภาพของเทคนิคและนำข้อมูลไปใช้เป็นค่ากลางในการวางแผนและกำหนดนโยบายเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตข้าวในอนาคต
ภายหลังจากการตรวจเยี่ยมและสังเกตการณ์การเก็บตัวอย่างก๊าซ ดร.ไรเนอร์ วัสส์มันม์ และ ดร. ลัดดาวัลย์ กรรณนุช ที่ปรึกษา IRRI และ ดร. โธมัส แยเคล ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาความร่วมมือข้าวจาก GIZ ได้จัดการประชุมกับเจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยข้าว เพื่อสอบถามและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การนำเทคโนโลยีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปใช้
เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรได้บอกเล่าประสบการณ์ว่าการจัดการน้ำในนาแบบเปียกสลับแห้งช่วยให้ต้นข้าวแข็งแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ต้นข้าวไม่ล้ม และปัญหาศัตรูพืชและโรคข้าวลดน้อยลง ส่วนการปรับพื้นที่นาด้วยเลเซอร์ เกษตรกรประทับใจในผลลัพธ์ที่ได้ ถึงแม้ว่าตอนแรกต้นทุนการปรับพื้นที่นาด้วยเลเซอร์จะค่อนข้างสูง แต่หลังจากได้ลองนำไปใช้ สังเกตได้ว่าค่าใช้จ่ายนั้นลดลงอย่างมาก เนื่องจากประหยัดค่าใช้จ่ายในการสูบน้ำ ทำให้เกษตรกรคนอื่น ๆ เริ่มมาสนใจอยากจะปรับหน้าดินด้วยเลเซอร์มากขึ้น
สุดท้ายนี้ เมื่อเสร็จการประชุมทีมของ GIZ สถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศ และกรมการข้าวร่วมกันหาแนวทางในการแก้ปัญหาในอนาคต และวางแผนประสานงาน เพื่อส่งเสริมการทำนาแบบเปียกสลับแห้งและการปรับหน้าดินด้วยเลเซอร์และให้ความรู้เกษตรกรเรื่องนี้ในระยะยาว
“เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว ผลของการวัดก๊าซเรือนกระจกจากแปลงรักษ์โลกของผู้ใหญ่ถาวรจะพิสูจน์ให้เราเห็นว่าการทำนาอย่างยั่งยืนนั้นจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและช่วยเกษตรกรให้มีรายได้มากขึ้นได้” ดร. ลัดดาวัลย์ กรรณนุช ที่ปรึกษา IRRI กล่าว