ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 หรือ COP26 เมื่อเร็วๆ นี้ ประเทศภูฏานได้ประกาศในเวทีโลกว่าเป็นประเทศที่ปล่อยคาร์บอนติดลบ (Carbon Negative) โดยในแต่ละปี ภูฏานสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่าการปล่อยออกสู่ชั้นบรรยากาศ นอกจากนี้ เศรษฐกิจของประเทศยังถูกออกแบบมาเพื่อให้ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและลดของเสียเพื่อบรรเทาปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งความสำเร็จนี้เกิดจากการมีนโยบายภาครัฐและเจตจำนงทางการเมืองที่เข้มแข็ง
รัฐบาลภูฏานมีแผนที่จะทบทวนกฎหมายการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเพื่อให้คำนึงถึงประเด็นความยั่งยืนมากขึ้น โดยสอดคล้องกับแนวทางการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน (SCP) [1] และหลักการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียวของภาครัฐ (GPP) ที่เป็นเครื่องมือเชิงนโยบายที่มีประสิทธิภาพในการส่งเสริมให้เกิดรูปแบบการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน รวมทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งรัฐบาลภูฎานได้รับการสนับสนุนจากโครงการความร่วมมือระดับภูมิภาคเอเชียในการขับเคลื่อนการดำเนินงานดังกล่าว
การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐเป็นงบประมาณส่วนใหญ่ของประเทศภูฏาน ซึ่งยังขาดกรอบทางกฎหมายและความตระหนักรู้เกี่ยวกับรูปแบบการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน (SCP) ดังนั้น การดำเนินการในขั้นแรกจึงจำเป็นต้องมีการวางมาตรการในการสร้างความตระหนักรู้และเสริมสร้างศักยภาพให้แก่บุคลากรในภาครัฐ [2]
โครงการสนับสนุนการพัฒนาด้านการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืนในเอเชีย (ประเทศกัมพูชา สปป.ลาว เวียดนาม และภูฎาน) หรือ SCP Outreach ได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในการทบทวนกฎและระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง (PRR) พ.ศ. 2562 เพื่อครอบคลุมถึงหลักการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียวของภาครัฐ (GPP) ให้มากขึ้นผ่านมาตรการสนับสนุนต่างๆ ซึ่งกิจกรรมหลักภายใต้โครงการฯ ประกอบด้วยการจัดหลักสูตรฝึกอบรมให้แก่บุคลากรภาครัฐเพื่อให้เข้าใจถึงหลักการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียวของภาครัฐ (GPP) การเตรียมความพร้อมเชิงสถาบันเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงาน ตลอดจนการส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างประเทศต่างๆ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ได้มีการจัด “การประชุมคณะทำงานทบทวนกฎและระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง (PRR) พ.ศ. 2562 และข้อเสนอแนะ” โดยผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ได้นำเสนอผลการศึกษาในประเด็นที่สำคัญเกี่ยวกับกฎและระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง (PRR) พ.ศ. 2562 รวมถึงเอกสารทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องและข้อเสนอแนะในการปรับปรุงกรอบกฎหมายสำหรับการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียวของภาครัฐ ดังนี้:
- วัตถุประสงค์การจัดซื้อจัดจ้าง (กำหนดให้ความยั่งยืนเป็นเป้าหมายของระบบการจัดซื้อจัดจ้าง)
- เกณฑ์การคัดเลือก (สามารถใช้เกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อม)
- เงื่อนไขของสัญญา (เป็นเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน)
- การพิจารณาผลการประกวดราคา (ใช้การวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายตลอดวัฏจักรชีวิตและเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมอื่นๆ)
- ข้อกำหนดทางเทคนิค (สามารถใช้ข้อกำหนดตามหน้าที่หลักของงานและการใช้ฉลากสิ่งแวดล้อม)
- การติดตามและประเมินผล (ติดตามการดำเนินงานให้เป็นไปตามหลักการ GPP หรือการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐอย่างยั่งยืน (SPP))
ในการประชุมนี้ ประเทศไทยยังได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์การดำเนินงานให้แก่เจ้าหน้าที่ภาครัฐของประเทศภูฏานเพื่อเป็นประโยชน์สำหรับการวางแนวทางดำเนินงานในขั้นต่อไป ซึ่งเป็นเวลากว่า 10 ปีที่กรอบกฎหมายของไทยไม่เอื้อต่อการขับเคลื่อนงานด้านการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียวของภาครัฐ อย่างไรก็ดี ในปีที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้แก้ไขอุปสรรคดังกล่าวโดยการออกกฎกระทรวงและแนวทางปฏิบัติเพื่อส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งหวังว่าหน่วยงานภาครัฐจะสามารถจัดหาสินค้าและบริการที่คำนึงถึงมิติด้านความยั่งยืนมากยิ่งขึ้นในอนาคต
การประชุมครั้งนี้นับว่าเป็นก้าวสำคัญในการดำเนินงานทบทวนกรอบกฎหมายเพื่อให้ครอบคลุมเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียวของภาครัฐให้มากขึ้น
ราคาต่ำสุด ≠ คุ้มค่าที่สุด: เพื่อให้แน่ใจว่าบุคลากรภาครัฐจะไม่ซื้อสินค้าหรือบริการโดยอิงจากราคาต้นทุนเพียงอย่างเดียว โครงการ SCP Outreach จึงให้การสนับสนุนรัฐบาลในประเทศพันธมิตรต่างๆ ในการปฏิรูปกฎหมาย ซึ่งแม้ว่าหลอดประหยัดพลังงาน (LED) จะมีราคาแพง แต่ก็ใช้พลังงานน้อยลงประมาณร้อยละ 70 ซึ่งช่วยให้ประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากกว่า