เกษตรกรกว่า 300 รายในจังหวัดสุพรรณบุรี เข้าร่วมงานเปิดตัวโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดภาวะโลกร้อนจากการทำนาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ ‘ไทย ไรซ์ นามา’ เรียนรู้เทคโนโลยีช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน
นางสาวดุจเดือน ศศะนาวิน รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงความสำคัญของโครงการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการช่วยผลกระทบจากการทำนาต่อโลกร้อน ในพิธีเปิดงานว่า โครงการไทย ไรซ์ นามา ผลักดันให้มีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตข้าวให้กับเกษตรกรจำนวน 100,000 ครัวเรือนในพื้นที่ 6 จังหวัดภาคกลาง ได้แก่ จังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และสุพรรณบุรี ครอบคลุมพื้นที่ โดยคาดการณ์ว่าโครงการจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 1.73 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
เทคโนโลยีที่โครงการไทย ไรซ์ นามาช่วยส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตข้าวได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นจะมีด้วยกัน 4 วิธี ได้แก่ การปรับหน้าดินด้วยเลเซอร์ การทำนาแบบเปียกสลับแห้ง การใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน และการจัดการฟางและตอซัง
เมื่อภาวะโลกร้อนยังคงเป็นเรื่องน่าเป็นห่วงทั่วทุกมุมโลก ฯพณฯ เอกอัครราชทูตเกออร์ก ชมิดท์ เอกอัครราชทูตเยอรมันประจำประเทศไทย ได้เน้นย้ำถึงการร่วมมือกันของทุกภาคส่วนในการสร้างความตระหนักเรื่องภาวะโลกร้อนให้กับประชาชน
“เมื่อพูดถึงเรื่องภาวะโลกร้อน เราทุกคนต่างตกอยู่ภายใต้สถานการณ์เดียวกัน เกษตรกรเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ แต่ในขณะเดียวกัน เกษตรกรเองก็สามารถช่วยบรรเทาผลกระทบจากภาวะโลกร้อนได้”
การขังน้ำในแปลงนาตลอดเวลานั่น ทำให้เกิดก๊าซมีเทนขึ้น ซึ่งเป็นก๊าซที่มีระดับความรุนแรงต่อสภาวะอากาศมากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 28 เท่า
โครงการไทย ไรซ์ นามา เป็นโครงการที่เกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือหลักระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ GIZ ประจำประเทศไทย ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจำนวน 14.9 ล้านยูโร (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 530 ล้านบาท) จากรัฐบาลประเทศเยอรมนี รัฐบาลสหราชอาณาจักร รัฐบาลเดนมาร์กและสหภาพยุโรป ผ่าน NAMA Facility มีระยะเวลาการดำเนินโครงการ 5 ปี (ตั้งแต่ พ.ศ. 2561 – 2566)