พลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้งอย่างถ้วยพลาสติกหรืออาหารที่บรรจุในถุงพลาสติก ยังคงมีปริมาณสูงขึ้นสําหรับการซื้อกลับและการสั่งผ่านผู้ให้บริการจัดส่งอาหาร (ฟู้ดเดลิเวรี่) สิ่งเหล่านี้ทำให้ปริมาณขยะเพิ่มขึ้น และทำให้เป็นอุปสรรคต่อการรีไซเคิล นอกจากนี้ยังมีการรั่วไหลลงสู่ทะเลและส่งผลกระทบต่อสัตว์และสิ่งแวดล้อม อันเนื่องมาจากการขาดประสิทธิภาพในการกำจัดขยะ
เพื่อที่จะหารือเกี่ยวกับทางออกและวิธีการแก้ไขสำหรับการลดพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวสําหรับการซื้อกลับและการสั่งผ่านฟู้ดเดลิเวรี่ในร้านอาหารและคาเฟ่ กรมควบคุมมลพิษภายใต้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และโครงการส่งเสริมการใช้เศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อจัดการปัญหาขยะทะเล ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสหภาพยุโรป (EU) และกระทรวงเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (BMZ) จึงจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการขึ้น ณ โรงแรมฮิลตัน สุขุมวิท เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา
ภายในงาน มีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 60 ท่านจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางแก้ปัญหาสำหรับร้านอาหารและคาเฟ่ ตลอดจนเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลและประสบการณ์มุมมองต่างๆ รวมทั้งคู่มือสำหรับร้านอาหารและคาเฟ่ ซึ่งทางโครงการฯ และกรมควบคุมมลพิษได้ร่วมกันพัฒนาขึ้นเพื่อกำหนดทิศทางสำหรับร้านอาหารและคาเฟ่สำหรับมาตรการการลดพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวในกระบวนการต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับ Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561-2573 ซึ่งมีการรณรงค์งดใช้ถุงหิ้วพลาสติกที่มีความหนาน้อยกว่า 36 ไมครอน บรรจุภัณฑ์ประเภทโฟม แก้วพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง และฝาปิดภาชนะในระบบขนส่งอาหารและการซื้ออาหารชนิดรับกลับในร้านอาหารและคาเฟ่
นางสาววาสนา แจ้งประจักษ์ นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชํานาญการพิเศษ กรมควบคุมมลพิษ กล่าวขอบคุณหน่วยงานภาคี และกล่าวเสริมว่า “คู่มือนี้จะเป็นแนวทางในการสนับสนุนการดำเนินงานตาม Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561-2573 จากการดำเนินงานที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคการศึกษา และภาคีเครือข่าย เพื่อร่วมกันจัดการขยะพลาสติกตามบริบทของตน”
Mr. Matej Dornik ผู้แทนจากคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย กล่าวว่า “สหภาพยุโรปมีมติยอมรับระเบียบว่าด้วยการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวของสหภาพยุโรป (EU Single Use Plastics Directive) ในปีพ.ศ.2562 และประกาศใช้อย่างเป็นทางการในปีพ.ศ.2564 ซึ่งการประชุมเชิงปฏิบัติการนี้จัดทำขึ้นเพื่อรวบรวมความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในประเทศไทยและเพื่อให้มั่นใจว่าแนวทางแก้ไขเกิดขึ้นได้จริงและสามารถนำไปสู่ความสำเร็จได้”
ในระหว่างงาน มีการอภิปรายเพื่อแลกเปลี่ยนและเรียนรู้เกี่ยวกับปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ร้านอาหารและร้านกาแฟสามารถลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งได้ โดยมีผู้ร่วมเสวนา ได้แก่ สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรมควบคุมมลพิษ สมาคมอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพไทย เครือข่าย Less Plastic Thailand และร้าน Rise Café
ในมุมของร้านอาหาร มองว่าความตระหนักในการลดใช้พลาสติกก็เป็นส่วนสำคัญ แต่พลาสติกเป็นสิ่งสำคัญในการใช้งานทั้งด้านสุขอนามัยและความสะดวก เพราะฉะนั้นหากต้องมองหาทางเลือกอื่นในการลดการใช้พลาสติก จะต้องเป็นทางเลือกที่สามารถปิดช่องว่างที่พลาสติกสามารถทำได้ให้ได้มากที่สุดด้วย นางสาววิภาวี กิตติเธียร ผู้จัดการร้าน Rise Café กล่าวเสริม
ดร. ชลธิชา นิธิศสุทธิบุตร ผู้เชี่ยวชาญจาก Advantage Consulting และเป็นผู้ร่วมพัฒนาคู่มือฯ ชี้แจงว่า “ที่ขยะพลาสติกเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 60 ในเขตกรุงเทพมหานคร ส่วนใหญ่เป็นบรรจุภัณฑ์อาหาร โดยการจัดส่งอาหารแต่ละครั้งประกอบด้วยบรรจุภัณฑ์และอุปกรณ์ที่ก่อให้เกิดขยะพลาสติกมากถึง 5-10 ชิ้น ได้แก่ ถุง กล่องใส่ อาหาร กล่องหรือซองแยกชนิดอาหาร ซองเครื่องปรุงรส แก้วหรือฝาเครื่องดื่ม หลอด ตะเกียบ ช้อนและส้อม กระดาษทิชชู และบางครั้งก็มีซองพลาสติกใส่อีกชั้น โดยคู่มือสําหรับร้านอาหารและคาเฟ่ในการลดพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวสําหรับการซื้อกลับและการสั่งผ่านฟู้ดเดลิเวรี่ คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2565 นี้”