รูป (จากซ้าย)
- ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ผู้อำนวยการสถาบันธรรมรัฐเพื่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม
- ดร.อนุสนธิ์ ชินวรรโณ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีและผู้ทรงคุณวุฒิด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ
- นางประเสริฐสุข จามรมาน ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)
- ดร.รวีวรรณ ภูริเดช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.)
- ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช ผู้อำนวยการสำนักงานประสานการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และ
- นายทิม มาเลอร์ ผู้อำนวยการโครงการ องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ)
วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2559 สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก สถาบันธรรมรัฐเพื่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม และโครงการสนับสนุนการพัฒนาและดำเนินงานด้านนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทยของ GIZ จัดสัมมนาเพื่อเผยแพร่ผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 22 ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 7 – 18 พฤศจิกายน 2559 ที่เมืองมาร์ราเกช ประเทศโมร็อกโก พร้อมทั้งเสนอร่างแผนปฏิบัติการเตรียมความพร้อมของประเทศไทย ในการดำเนินความร่วมมือภายใต้กรอบความตกลงปารีส โดยมีผู้เข้าร่วมจากภาครัฐและภาคเอกชนกว่า 200 ท่าน
ผลการประชุมที่สำคัญ มีดังนี้
1. ภาคีตกลงที่จะเร่งหารือรายละเอียดที่จะทำให้ความตกลงปารีสสามารถนำไปสู่การปฏิบัติให้แล้วเสร็จภายในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ สมัยที่ 24 (พ.ศ. 2561)
2. ที่ประชุมรับรองข้อตัดสินใจเกี่ยวกับองค์ประกอบและภารกิจของ Paris Committee on Capacity Building (PCCB) ซึ่งจะเป็นกลไกในการเสริมสร้างศักยภาพของประเทศกำลังพัฒนาภายใต้ความตกลงปารีส
3. เห็นควรให้กองทุน (Adaptation Fund) สนับสนุนการดำเนินงานด้านการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายใต้ความตกลงปารีส และให้ศึกษารูปแบบการดำเนินงานให้แล้วเสร็จภายในปีพ.ศ. 2561
ทั้งนี้ รัฐภาคีกรอบอนุสัญญาฯ จะมีการประชุมใหญ่เป็นประจำทุกปี โดยในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาฯ สมัยที่ 21 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่ประชุมได้มีการรับรองความตกลงปารีส (Paris Agreement) เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เพื่อเป็นกรอบความร่วมมือระยะยาวอย่างเป็นรูปธรรมของประชาคมโลกในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ 3 ประการ คือ
1. เพื่อควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส และมุ่งพยายามให้ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม
2. เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัวและการส่งเสริมความสามารถในการฟื้นตัวจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ
3. เพื่อทำให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนที่มีความสอดคล้องกับแนวทางที่นำไปสู่การพัฒนาที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำและสร้างความสามารถในการฟื้นตัวจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมีรายละเอียดครอบคลุมการดำเนินงานเกี่ยวกับ การลดก๊าซเรือนกระจก การปรับตัวต่อผลกระทบทางลบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสนับสนุนทางการเงิน การพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี การเสริมสร้างศักยภาพของประเทศกำลังพัฒนา กรอบการรายงานข้อมูลการดําเนินงานและการให้การสนับสนุนอย่างโปร่งใส และการทบทวนสถานการณ์และการดำเนินงานระดับโลก (global stocktake)
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาระดับความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยจากการแทรกแซงของมนุษย์ที่เป็นอันตรายต่อระบบภูมิอากาศ
สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับสถาบันธรรมรัฐเพื่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมได้ดำเนินโครงการขับเคลื่อนและเสริมสร้างศักยภาพภายหลังข้อตกลงใหม่ของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อทำการศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมของประเทศไทยในการรองรับการมีผลใช้บังคับของความตกลงปารีส และได้จัดทำ(ร่าง) แผนปฏิบัติการเตรียมความพร้อมของประเทศไทยในการดำเนินความร่วมมือภายใต้กรอบความตกลงปารีส ซึ่งได้เปิดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เพื่อจะนำความเห็นมาปรับปรุงให้เกิดการขับเคลื่อนการดำเนินการภายใต้กรอบความตกลงปารีส ตลอดจนการเชื่อมโยงการดำเนินงานต่างๆ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป