ความเป็นมา
จากข้อมูลของสถาบันวิจัยด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนและเอเชียตะวันออก (ERIA) ธุรกิจกว่าร้อยละ 90 ในภูมิภาคอาเซียน คือ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และก่อให้เกิดการจ้างงานโดยรวมอยู่ที่ระหว่างร้อยละ 57- 91 ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศ อย่างไรก็ตาม ส่วนแบ่งของปริมาณการส่งออก และรายได้โดยรวมอยู่แค่ระหว่างร้อยละ 10 – 30 เท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการก้าวเข้าสู่สากลของ SMEs ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำมาก
การขาดการรับรู้ และการได้รับข้อมูลที่จำกัดว่าจะเข้าสู่ตลาด และได้รับประโยชน์ทั้งจากตลาดภายในและภายนอกภูมิภาคอย่างไรนั้น ยังคงเป็นความท้าทายหลักที่ SMEs ในภูมิภาคอาเซียนเผชิญอยู่ บ่อยครั้งที่การไม่รู้เงื่อนไข และมาตรฐานในระดับนานาชาติส่งผลให้ SMEs ขาดการเชื่อมโยงกับห่วงโซ่มูลค่าระดับภูมิภาคหรือระดับโลก และทำให้การเติบโต และการขยายตัวของธุรกิจเป็นไปได้ยาก เพราะฉะนั้นการพัฒนาการเข้าถึงข้อมูล เครือข่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงโปรแกรมต่างๆ ที่สร้างศักยภาพที่ตรงจุด จึงมีบทบาทสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจเข้าถึงตลาดได้มากขึ้นทั้งในระดับภูมิภาคและนานาชาติ
วัตถุประสงค์
เพื่อปรับปรุงและพัฒนาข้อมูล และบริการต่างๆ ที่ส่งเสริม SMEs ภายใต้กรอบการทำงานของแผนปฏิบัติการเชิงยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของอาเซียนปี ค.ศ. 2025 (ASEAN SAPSMED 2025) ซึ่งสอดคล้องกับการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ด้วยการนำแนวคิดหลักต่อไปนี้มาปฏิบัติใช้
- ปรับปรุงศูนย์ให้บริการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอาเซียน
- สร้างความแข็งแกร่งให้กับศูนย์ข้อมูลวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งชาติ
- สนับสนุนให้บริการต่างๆ สำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมระดับชาติก้าวเข้าสู่สากล
แนวทางการดำเนินงาน
ด้วยความร่วมมือกับคณะกรรมการด้านวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อยอาเซียน (ACCMSME) โครงการฯ จะสนับสนุนให้มีการนำแผนปฏิบัติการเชิงยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของอาเซียน ปี ค.ศ. 2025 (SAPSMED 2025) มาปฏิบัติโดยเน้นไปที่ 2 จุด คือ การปรับปรุงการเข้าถึงตลาดและการเข้าสู่สากลของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (1 เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ C) รวมถึงยกระดับนโยบาย และสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบ (2 เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ D)
นอกจากนี้ โครงการฯ ยังส่งเสริมการมีส่วนร่วมของ 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งสอดคล้องกับคำแนะนำจากองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน โดยคาดการณ์ให้มีความร่วมมือระดับประเทศอย่างใกล้ชิดกับประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนาม เพื่อปิดช่องว่างของการพัฒนา และการนำมาปฏิบัติใช้ ในขณะเดียวกัน ประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย ก็จะเข้ามาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญด้วย
โครงการฯ มุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนความช่วยเหลือและตอบสนองความต้องการที่เกี่ยวข้องกับ SMEs ในบริบทของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ดังนั้นผู้ได้รับผลประโยชน์หลักจากโครงการนี้ ก็คือ เจ้าของ และทีมงาน SMEs ของประเทศสมาชิกอาเซียน เฉพาะสำหรับธุรกิจที่มีความตั้งใจ และมีศักยภาพที่จะกล่าวสู่ความเป็นสากลเท่านั้น ไม่รวมถึง SMEs ที่สนใจการดำเนินธุรกิจเฉพาะแค่ตลาดระดับชาติเท่านั้น แม้ว่าธุรกิจเหล่านี้อาจจะได้รับผลประโยชน์โดยอ้อม ด้วยการจัดหาสินค้าขายส่งให้กับ SMEs อื่นๆ ที่ถูกบูรณาการอยู่ในห่วงโซ่มูลค่าระดับภูมิภาคก็ตาม
1 เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ C: เพื่อปรับปรุงการเข้าถึงตลาดและการก้าวเข้าสู่สากลของ SMEs วิสาหกิจต่างๆ ของอาเซียน มีข้อมูลที่จำกัดในการเข้าถึงตลาด และไม่ตระหนักถึงประเด็นต่างๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับเงื่อนไขในระดับนานาชาติ การขาดความรู้เชิงเทคนิคกีดกั้นวิสาหกิจเหล่านี้ไม่ให้มีส่วนร่วมในห่วงโซ่มูลค่าระดับโลก ด้วยเหตุนี้ การให้ข้อมูล แพลตฟอร์ม รวมถึงโปรแกรมการสร้างความศักยภาพจึงมีบทบาทสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจเข้าถึงตลาดได้มากขึ้นทั้งในระดับภูมิภาค และนานาชาติ
2 เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ D : เพื่อยกระดับนโยบาย และสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบ ความร่วมมือเพื่อการพัฒนา SMEs ในระดับรัฐบาลทั้งภายในและภายนอกมีความสำคัญต่อการบูรณาการในระดับภูมิภาค นโยบาย และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับ SMEs ซึ่งสอดคล้องและนำมาใช้ในประเทศสมาชิกอาเซียนนั้น จะส่งเสริมให้เกิดการทำงานร่วมกันในระดับภูมิภาค โดยเริ่มจากการทำให้ขั้นตอนการลงทะเบียนมีค่าใช้จ่ายที่ถูกลง และรวดเร็วขึ้น ซึ่งจะอำนวยความสะดวก และทำให้ธุรกิจสตาร์ทอัพมีปริมาณเพิ่มขึ้น
*เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์เป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิบัติการเชิงยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของอาเซียน (SAPSMED)
ผลการดำเนินโครงการที่ผ่านมา
- บริการต่างๆ ด้านข้อมูลและการส่งเสริม SMEs ระดับภูมิภาค ได้รับการสนับสนุนด้วยระบบดิจิทัลและกระตุ้นให้เกิดธุรกิจ SMEs เพิ่มขึ้น (สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ aseanaccess.com)
- บริการต่างๆ ด้านข้อมูลโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม และอินโดนิเซีย ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเชื่อมโยงธุรกิจ SMEs นำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงานในภูมิภาคอาเซียน
- การเข้าถึงตลาดและสภาพคล่องด้านการลงทุนถูกยกระดับ นำไปสู่การเติบโตทางด้านการค้าและธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน
- เครือข่ายของผู้ประกอบการขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสด้านการค้าทั้งภูมิภาค
- แนวปฏิบัติที่ดีที่สุดของประเทศไทยในการส่งเสริมบริการด้านข้อมูลเชิงดิจิทัลของธุรกิจ SMEs ได้ถูกนำไปปรับใช้กับประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นๆ
- มีการจัดกิจกรรมออนไลน์เพื่อส่งเสริมการจับคู่เจรจาทางธุรกิจสำหรับ SMEs ในอาเซียนและสหภาพยุโรป
สนับสนุนงบประมาณโดย
กระทรวงเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (BMZ)
ประเทศ
ประเทศบรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย สปป.ลาว มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทยและเวียดนาม
หน่วยงานร่วมดำเนินงาน
คณะกรรมการด้านวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อยอาเซียน (ACCMSME) และหน่วยงานระดับชาติที่ทำงานเกี่ยวข้องกับ SMEs ของทั้ง 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน โดยพันธมิตรในประเทศไทย คือ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)
ระยะเวลาดำเนินโครงการ
2561 – 2564
ข้อมูลเพิ่มเติม
www.asean-agrifood.org