ผู้แทนกว่า 50 คนจากภาครัฐด้านสาขาการเกษตรและการประกันภัย และภาคเอกชนด้านธุรกิจประกันภัยจาก 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการออนไลน์ระหว่างวันที่ 29-30 ตุลาคม พ.ศ.2563 ณ โรงแรมนิโก้ กรุงเทพฯ เพื่อหาแนวทางบริหารจัดการด้านการเงินในการรับมือความเสี่ยงและการประกันภัยพืชผลทางการเกษตรจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น เหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลัน คลื่นความร้อน ฝนแล้งและพายุ ตลอดจนการระบาดจากโรคพืชและแมลงที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นทุกปี ซึ่งสร้างความเสียหายและส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตรและประชากรอาเซียนกว่า 200 ล้านคนที่ดำรงชีวิตและพึ่งพารายได้จากการประกอบอาชีพทางการเกษตร
การประชุมเชิงปฏิบัติการออนไลน์ระดับภูมิภาคครั้งนี้ เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้คณะทำงานและผู้เกี่ยวข้องทั้งภาคการเกษตร การเงินและการประกันภัย ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และบทเรียนในการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านภัยพิบัติของแต่ละประเทศ เพื่อนำไปสู่การสร้างความร่วมมือและการทำงานเพื่อสนับสนุนโครงการประกันภัยพืชผลทางการเกษตรและการจัดการทางการเงินในการลดความเสี่ยงด้านภัยพิบัติอย่างยั่งยืนทั้งในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ
ภาครัฐได้กำหนดให้การประกันภัยพืชผล เป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญที่ใช้เป็นเครื่องมือช่วยเหลือเกษตรกรในการบริหารทางการเงิน เพื่อคุ้มครองต้นทุนการผลิตเมื่อเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ และคุ้มครองปริมาณผลผลิตที่ลดลง ซึ่งจะช่วยสร้างเสถียรภาพทางรายได้และความมั่นคงในอาชีพให้แก่เกษตรกร
“ภาคการเกษตร คือ หัวใจหลักและเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงผู้คนส่วนใหญ่ในอาเซียน รายได้หลักของเกษตรกรมาจากพืชผลและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร อย่างไรก็ตามภูมิภาคของเรายังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง ดังนั้นนโยบายประกันภัยพืขผลทางการเกษตรจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงในภาคการเกษตรของภูมิภาคและช่วยให้มีความยืดหยุ่นให้กับเกษตรกรในการรับมือกับวิกฤติทั้งภัยพิบัติและทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นกับภาคการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประชากรในภูมิภาค” ดร. ฟาม ควาง มิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการและหัวหน้าแผนกอาหาร เกษตรและป่าไม้ สำนักงานเลขาธิการอาเซียน กล่าว
จากสถิติเมื่อปีพ.ศ. 2562 พบว่าผลผลิตทางการเกษตรภาพรวมของภูมิภาคอาเซียนอยู่ที่ประมาณ 221.62. ล้านตัน โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.79 จากปีพ.ศ. 2561 ซึ่งนับว่ามีปริมาณสูงมากและสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของภาคการเกษตรของประเทศสมาชิก รายได้จากภาคการเกษตรมีสัดส่วนมากถึงร้อยละ 40 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติสำหรับประเทศเมียนมาและ สปป. ลาว นอกจากนี้ประชากรของ สปป. ลาวและกัมพูชากว่าร้อยละ 60 ก็ประกอบอาชีพเกษตร
ดร.อันญ่า เอิลเบค ผู้อำนวยการโครงการประกันภัยพืชผลทางการเกษตรและการจัดการทางการเงิน องค์กรความร่วมมือระหว่างของเยอรมัน (GIZ) กล่าวว่า วัตถุประสงค์หลักของโครงการประกันภัยพืชผลทางการเกษตร คือ เพื่อช่วยเหลือให้เกษตรกรรายย่อยสามารถเข้าถึงเครื่องมือในการบริหารจัดการทางการเงิน อีกทั้งยังสามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการงบประมาณประจำปีของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม การใช้การประกันภัยพืชผลทางการเกษตรจำเป็นต้องดำเนินการอย่างรัดกุมในทุกขั้นตอน เพื่อความโปร่งใสและเป็นไปตามหลักการ เพราะการประกันภัยพืชผลทางการเกษตรเกี่ยวข้องกับเกษตรกรจำนวนมากและมีหน่วยงานหลายฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้อง “เครื่องมือบริหารทางการเงินที่มีประสิทธิภาพจะสามารถช่วยลดความเสี่ยงให้กับเกษตรกร และให้ความคุ้มครองกับเกษตรกร หากผลผลิตที่ลงทุนไปได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติ เกษตรกรสามารถลงทุนเพื่อผลผลิตได้ใหม่และสร้างความมั่นคงทางรายได้ในระดับครัวเรือน”
แม้ว่าปัจจุบัน ระบบประกันภัยพืชผลทางการเกษตรของแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียนจะแตกต่างกันไปทั้งในด้านนโยบายและการบริหารจัดการ รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างตระหนักถึงบทบาทและความสำคัญของการสร้างความร่วมมือและการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อสร้างความโปร่งใส
การสัมมนาออนไลน์ในระดับภูมิภาคครั้งนี้ ยังเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนความร่วมมือของผู้แทนและผู้เชี่ยวชาญทั้งภาครัฐและเอกชนด้านงานประกันภัย เพื่อระดมความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการรับมือผลกระทบของวิกฤติโควิด-19 ที่ภาคการเกษตรกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้
นายชานทารง ซูย รองประธานกรรมการบริษัทฟอร์เต้ประกันภัย ประเทศกัมพูชาได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับความสำคัญของความร่วมมือเพื่อผลักดันนโยบายประกันภัยพืชผลและหาแนวทางที่เหมาะสมในการทำงานเชิงนโยบาย และการนำนโยบายการประกันภัยพืชผลที่เหมาะสมกับบริบทของแต่ละประเทศไปใช้ในทางปฏิบัติว่า “กุญแจสำคัญที่จะส่งเสริมให้เกิดนโยบายประกันภัยพืชผลอย่างเป็นรูปธรรม คือ การสร้างความร่วมมือและการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพราะทุกฝ่ายล้วนมีบทบาทในการพัฒนาและส่งเสริมผลิตภัณฑ์ประกันภัยพืชผลทางการเกษตรที่เหมาะสมกับความต้องการและความท้าทายที่แต่ละประเทศสมาชิกต้องเผชิญทั้งในระดับประเทศและภูมิภาคต่อไป”
เพื่อติดตามผลจากการประชุมเชิงปฏิบัติการออนไลน์ระดับภูมิภาคครั้งนี้ ผู้แทนและผู้เชี่ยวชาญด้านการประกันภัยพืชผลจากประเทศสมาชิกอาเซียน มีแผนการทำงานในปีพ.ศ. 2564 ได้แก่
- การทำงานร่วมกับสำนักงานเลขาธิการอาเซียน โดยใช้กลไกการทำงานที่มีอยู่ของสำนักงานเลขาธิการอาเซียน เพื่อสนับสนุนการทำงานในเรื่องประกันภัยพืชผลทางการเกษตร และหัวข้อที่เกี่ยวข้อง
- การสนับสนุนการทำงานในเรื่องประกันภัยพืชผลทางการเกษตรระหว่างประเทศในภูมิภาค
- การผลักดันให้เกิดความมุ่งมั่นในการสร้างนโยบายระดับภูมิภาคอาเซียนที่จะมาสนับสนุนการทำงานในเรื่องประกันภัยพืชผลทางการเกษตรในประเทศสมาชิก โดยจะหารือร่วมกับประเทศสมาชิกในการพัฒนาร่างแนวทางการทำงานในเรื่องประกันภัยพืชผลทางการเกษตรระดับภูมิภาคต่อไป
- การพัฒนาศักยภาพประเทศสมาชิกในเรื่องประกันภัยพืชผลทางการเกษตร และหัวข้อที่เกี่ยวข้องโดย GIZ จะให้การสนับสนุนโดยการจัดให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ในหัวข้อดังกล่าวทั้งในระดับประเทศ และภูมิภาค