(เครดิต: Sanden/Alex Panas)
บริษัทเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็นของประเทศไทยเริ่มหันมาใช้สารทำความเย็นจากธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลดีต่อทั้งตัวผู้ผลิต ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม
ในประเทศที่เผชิญอุณหภูมิโดยเฉลี่ยสูงถึง 30 องศาเซลเซียส คนไทยส่วนใหญ่เลือกที่จะเปิดแอร์ พร้อมหยิบเครื่องดื่มหรือไอศครีมมาทานเพื่อดับร้อน โดยหารู้ไม่ว่าความจริงแล้ว อุปกรณ์ที่ช่วยสร้างความเย็นส่วนใหญ่ใช้สารทำความเย็นสังเคราะห์ อาทิ สารทำความเย็นที่มีฟลูออไรด์ หรือกลุ่มก๊าซฟลูออริเนต ซึ่งทำลายชั้นบรรยากาศและส่งผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันผู้ผลิตในอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็นในประเทศไทยเริ่มหันมาใช้เทคโนโลยีทำความเย็นสีเขียวและสารทำความเย็นธรรมชาติ เช่น “ไฮโดรคาร์บอน” ที่มีศักยภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว
“ตลาดกำลังเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีที่ใช้สารทำความเย็นจากธรรมชาติ เช่น ในยุโรป ผู้ผลิตได้หันมาใช้สารทำความเย็นธรรมชาติทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ ทางเราจึงเล็งเห็นโอกาสที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงนี้ในภูมิภาคอื่นด้วย ผ่านการสนับสนุนการใช้สารทำความเย็นจากธรรมชาติ โดยเฉพาะในประเทศไทย” – คุณอเล็กซ์ ปานัส ผู้บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท ซันเด้น อินเตอร์คูล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
สารทำความเย็นธรรมชาติ เป็นสารซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ไม่ทำลายชั้นบรรยากาศโอโซน และไม่กักเก็บแสงอาทิตย์ หรือที่เรียกอีกอย่างว่า “ปรากฏการณ์เรือนกระจก” อีกทั้งมีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานมากกว่าสารทำความเย็นสังเคราะห์ที่ใช้กันอย่างกว้างขวาง ด้วยค่าศักยภาพการทำลายชั้นบรรยากาศโอโซน (ODP – Ozone Depleting Potential) เท่ากับศูนย์ และค่าศักยภาพในการทำให้เกิดสภาวะโลกร้อน (GWP – Global Warming Potential) ที่ต่ำมาก สารทำความเย็นธรรมชาติเหล่านี้ จึงถือเป็นทางออกสำคัญในการช่วยบรรเทาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม1
ภายในปีพ.ศ.2565 บริษัท ซันเด้น อินเตอร์คูล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ตั้งเป้าที่จะเปลี่ยนสายการผลิตทั้งหมดมาใช้สารทำความเย็นธรรมชาติ โดยคาดว่าจะวางขายตู้เย็นและตู้แช่แข็งที่ใช้สารทำความเย็นไฮโดรคาร์บอนในตลาดของประเทศไทยอย่างน้อยร้อยละ 50 หรือ 70
“ยิ่งตลาดเปลี่ยนแปลงได้เร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อมและดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนได้มากเท่านั้น ทางบริษัทฯ มีความตั้งใจจริงที่จะสนับสนุนเทคโนโลยีทำความเย็นสีเขียวในประเทศไทย ท้ายที่สุดแล้วผลประโยชน์ก็จะตกเป็นของเราทุกคน ทั้งผู้บริโภค สังคม และในระดับประเทศ ซึ่งสิ่งที่โครงการ RAC NAMA พยายามผลักดัน ถือเป็นการริเริ่มที่ดีเป็นอย่างยิ่ง” คุณอเล็กซ์ ปานัสกล่าว
บริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนทางด้านการเงินจากโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการลดก๊าซเรือนกระจกที่เหมาะสมของประเทศ ในอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น (RAC NAMA) ผ่านกลไกเงินทุนหมุนเวียน และเงินอุดหนุนในการจัดซื้ออุปกรณ์ที่ทันสมัยเพื่อเปลี่ยนสายการผลิตและการใช้สารทำความเย็นธรรมชาติ นอกจากนี้โครงการฯ ยังให้เงินสนับสนุนทางด้านการตลาดและทางด้านเทคนิคเพื่อผลักดันให้เกิดความต้องการใช้สารทำความเย็นธรรมชาติกันมากขึ้น
เป็นเวลากว่า 3 ปีที่โครงการฯ ได้สนับสนุนการใช้สารทำความเย็นธรรมชาติในอุปกรณ์ทำความเย็น ได้แก่ ตู้เย็นครัวเรือน ตู้แช่สินค้า เครื่องปรับอากาศ และระบบทำความเย็นขนาดใหญ่กับกลุ่มผู้บริโภค (demand) และกลุ่มผู้ผลิต (supply) โดยทางโครงการฯ ได้สร้างความตระหนักในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในกลุ่มผู้บริโภค และสนับสนุนการเปลี่ยนสายการผลิตของผู้ผลิตไทยไปสู่การใช้สารทำความเย็นธรรมชาติ นอกจากบริษัท ซันเด้น อินเตอร์คูล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แล้ว ยังมีบริษัท ซูพรีม ซีเอ็นบี คอร์ปอเรชั่น และบริษัท พานาโซนิค แอ๊พไลแอ็นซ์ โคลด์เชน ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงสายการผลิต ซึ่งในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทเหล่านี้กำลังต่อคิวปล่อยตู้เย็น ตู้แช่และเครื่องทำความเย็นขนาดใหญ่ที่ใช้สารทำความเย็นธรรมชาติออกสู่ตลาด
ปัจจุบัน การใช้พลังงานไฟฟ้าของเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น คิดเป็นกว่าครึ่งของการใช้พลังงานทั้งหมดในประเทศ ซึ่งคิดเป็นปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึงร้อยละ 20 ตัวเลขนี้ชี้ให้เห็นถึงโอกาสที่ประเทศไทยสามารถลดปริมาณการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อีกทั้งประสิทธิภาพพลังงานที่สูงขึ้นผ่านการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมการทำความเย็นสีเขียว
1: ที่มา: https://natref.carel.com/what-are-natural-refrigerants