ปัจจุบัน ผู้คนจำนวนกว่า 125 ล้านคน ยังคงต้องการความช่วยเหลือ ด้านมนุษยธรรมมากกว่า 60 ล้านคน จำเป็นต้องละถิ่นฐาน และอีก กว่า 218 ล้านคน ยังคงได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติในแต่ละปีนาน นับ 2 ทศวรรษ ด้วยเหตุนี้ เมื่อวันที่ 23-24 พฤษภาคม 2559 ที่ผ่าน มา นายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ จึงจัดการประชุมสุดยอด ด้านมนุษยธรรมโลกขึ้นเป็นครั้งแรก ณ กรุงอีสตันบูล เพื่อให้นานา ประเทศได้ตระหนักถึงความท้าทายในปัจจุบันและสิ่งที่คาดว่าจะ เกิดขึ้นในอนาคตอันนำไปสู่การกำหนดเป็นวาระนานาชาติร่วมกัน ใน การเตรียมรับมือและเสริมสร้างความเข้มแข็งต่อการฟื้นฟูจากภัยพิบัติ การประชุมสุดยอดนี้มีผู้เข้าร่วมเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง จากหน่วยงาน ของรัฐบาล ธุรกิจ องค์กรพัฒนาเอกชน และภาคประชาสังคม กว่า 5,000 คน
เป็นที่ทราบกันดีว่า ภัยพิบัติเกิดขึ้นบ่อยครั้งและทวีความรุนแรงขึ้น จึง มีความจำเป็นที่จะต้องจัดการภัยพิบัติและทำงานกับหุ้นส่วนใหม่ๆ ร่วมกับภาคเอกชน เพื่อสนองต่อวาระนี้ โครงการ GIDRM จึงได้ร่วม จัดการประชุมย่อยเรื่อง การเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและเอกชนต่อ การฟื้นฟูและรับมือของประเทศ เพื่อเปิดโอกาสให้มีการถกเถียงถึงสิ่งจูงใจสำหรับภาคธุรกิจในการ บรรจุเรื่องการจัดการภัยพิบัติไว้ในโมเดลธุรกิจ โดยมี ม.ร. คริสตอบ ไบ เออร์ รองประธานบอร์ดบริหารของ GIZ กล่าวย้ำว่า ควรมีการจัดการ ความเสี่ยงอย่างเหมาะสมกับความสนใจของแต่ละบริษัทในทุกๆ สาขาธุรกิจ ซึ่งจะไม่เพียงแต่ลดความสูญเสีย แต่จะยิ่งเสริมสร้างความ สามารถในการแข่งขันเนื่องจากบริษัทจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ ลูกค้าได้ว่ายังคงผลิตและนำส่งสินค้าให้ได้แม้ในยามที่เกิดภัยพิบัติ GIDRM เล็งเห็นบทบาทสำคัญของภาคธุรกิจจึงได้ทำงานร่วมกับ ภาคธุรกิจของเยอรมัน เพื่อบรรจุการจัดการความเสี่ยงและการฟื้นฟู ลงไปในโมเดลธุรกิจและนำไปใช้ในระดับปฎิบัติการ และร่วมกันคิด หาวิธีการแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ GIDRM ยังคงร่วมกันกับ ธนาคาร พัฒนาแห่งเอเซีย (ADB) ศูนย์ความพร้อมรับมือภัยพิบัติแห่งเอเซีย (ADPC) เพื่อฟื้นฟูธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในเอเซีย จากภัยพิบัติ โดยดำเนินงานผ่านทางสำนักงานส่งเสริมผู้ประกอบ การ SMEs เช่น สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)หอการค้าและหน่วยงานระดับประเทศที่มีภารกิจเกี่ยวข้องใน การจัดการภัยพิบัติ