โครงการระบบอาหาร-เกษตรแบบยั่งยืนแห่งอาเซียนสร้างรายได้เพิ่มให้กับเกษตรกรในอาเซียนจำนวนกว่า 125,000 ราย เป็นมูลค่าถึง 98 ล้านยูโร (เทียบเท่าประมาณ 3,800 ล้านบาท) ในระยะเวลา 4 ปีของการทำโครงการผ่านหลักการระบบอาหาร-เกษตรอย่างยั่งยืนในอาเซียน ในนิทรรศการการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ ครั้งที่ 39 ที่จังหวัดเชียงใหม่
โครงการฯ ได้นำเสนอ 4 หลักการในนิทรรศการ “แนวทางระบบอาหาร-เกษตรยั่งยืน สู่ความมั่นคงด้านอาหารและการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ดังนี้ 1) ผู้มีส่วนร่วมในทุกระดับต้องทำความเข้าใจและนำนโยบายด้านระบบอาหาร-เกษตรแบบยั่งยืนไปปฎิบัติและทำให้เกิดผลเป็นรูปธรรม 2) การกำหนดบทบาทและความร่วมมือของแต่ละภาคส่วนในห่วงโซ่มูลค่า (ภาครัฐ เอกชน และผู้ผลิต) และนำจุดแข็งของแต่ละภาคส่วนมาเสริมซึ่งกันและกัน 3) การให้ความสำคัญและดึงเกษตรกรรายย่อยให้มีบทบาทในห่วงโซ่มูลค่าเพื่อสร้างความยั่งยืน และ 4) การพัฒนาผู้นำและสร้างศักยภาพของตัวบุคคลเพื่อนำไปพัฒนาภาคส่วน (หรือองค์การของตน) และสังคมในระดับต่อๆไป ซึ่งหลักการต่างๆ เหล่านี้เป็นหลักการจากการทำงานร่วมมือระหว่างอาเซียน – เยอรมันผ่านโครงการระบบอาหาร-เกษตรแบบยั่งยืนแห่งอาเซียนที่ดำเนินงานมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2557-2560
ดร. เสริมสุข สลักเพ็ชร์ รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่าความร่วมมืออาเซียน-เยอรมัน ทางด้านการเกษตร มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาศักยภาพและความสามารถของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในภาคการเกษตรในการพัฒนาระบบการผลิตสินค้าเกษตรอย่างยั่งยืน และประเทศไทยในฐานะประเทศเจ้าภาพโครงการระบบอาหาร-เกษตรแบบยั่งยืนแห่งอาเซียน และโครงการเครือข่ายการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาเซียน มีความยินดีที่ผลการดำเนินการและข้อเสนอแนะ ได้รับความเห็นชอบและสนับสนุนจากการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านเกษตรและป่าไม้ เพื่อไปปฏิบัติ และขยายผลให้เกิดประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมต่อไป
โครงการระบบอาหาร-เกษตรแบบยั่งยืนแห่งอาเซียนเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมอาเซียน-เยอรมันด้านการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในการเกษตรและป่าไม้ ดำเนินงานโดย GIZ ประจำประเทศไทย และพันธมิตรในประเทศสมาชิกอาเซียน โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนเริ่มแรกจากรัฐบาลเยอรมัน จำนวน15 ล้านยูโร (เทียบเท่าประมาณ 580 ล้านบาท) และจากหุ้นส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน เสริมขึ้นมาอีก 15 ล้านยูโร
นางคลาวเดีย เอบาค อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายอาหารและการเกษตร สถานเอกอัครราชทูตแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันอาเซียนกำลังเผชิญกับความท้าทายอันใหญ่หลวงในภาคการเกษตรและอาหาร เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงอาหารที่ปลอดภัย ในราคาที่เหมาะสม ถูกสุขอนามัย และเพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันต้องคำนึงถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัด และโครงการระบบอาหาร-เกษตรแบบยั่งยืนแห่งอาเซียนได้ดำเนินการให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจากทุกภาคส่วนมาถ่ายทอด และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ บทเรียนและประสบการณ์ต่างๆ และเชื่อมั่นว่าความร่วมมือระหว่างอาเซียนและประเทศเยอรมันจะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการสนับสนุนให้เกษตรกร ผู้ผลิต ผู้ค้า และผู้จำหน่ายมีมาตรฐานคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีและยั่งยืนขึ้น ตลอดจนเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในภาคการเกษตรให้มากขึ้นด้วย
การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ ครั้งที่ 39 นี้ จัดขึ้นในนามกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของประเทศไทย โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงกว่า 300 ท่านจาก 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าร่วม เพื่อร่วมหารือในระดับภูมิภาคให้เกิดการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับนานาชาติด้านอาหาร การเกษตร และป่าไม้ของอาเซียน และเพื่อสร้างความเข้มแข็งด้านความมั่นคงทางอาหารในภูมิภาค พร้อมทั้งร่วมสร้างจุดยืนในเวทีระหว่างประเทศ