ทีมผู้เชี่ยวชาญ GFA Consulting พร้อมกับกรมชลประทาน และโครงการ ECOSWat พบว่า ห้วยตาเปอะยังคงความอุดมสมบูรณ์ และถือเป็นพื้นที่ตัวอย่างของประเทศไทยที่ดีแห่งหนึ่ง ในการนำมาตรการการปรับตัวโดยอาศัยระบบนิเวศมาใช้ในระดับท้องถิ่น หลังจากเข้าไปสำรวจ และประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอย่างรวดเร็ว เมื่อวันที่ 21 – 24 มีนาคมปี พ.ศ. 2560
เนื่องจากภาคเกษตรกรรมต้องการน้ำปริมาณมากขึ้น จึงทำให้กรมชลประทานมีภารกิจที่ต้องจัดหาพื้นที่กักเก็บน้ำเพิ่มขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกร โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยตาเปอะอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านค้อ อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร เป็นโครงการที่มีเป้าหมายเพื่อการชลประทานเป็นหลัก ถึงแม้ในปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวมีการจัดสร้างอ่างเก็บน้ำแล้วถึง 7 โครงการ แต่ปริมาณน้ำยังไม่เพียงพอกับความต้องการต่อกิจกรรมทางการเกษตรของประชาชนในพื้นที่นัก อย่างไรก็ตาม คุณภาพของน้ำ และแหล่งน้ำ การอนุรักษ์ รวมถึงวิธีการนำน้ำมาใช้อย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลต่อปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน เป็นสิ่งสำคัญที่ประชาชนทุกคน และหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องหันมาร่วมมือกัน
ด้วยเหตุนี้ กรมชลประทานได้เชิญ Dr.Huburt Lohr และ Mr. Klaus Sattler ผู้เชี่ยวชาญของ GFA Consulting จากสหพันธรัฐเยอรมันนี และเจ้าหน้าที่โครงการ ECOSWat ลงพื้นที่สำรวจโครงการห้วยตาเปอะ ระหว่างวันที่ 21 – 24 มีนาคมปี พ.ศ. 2560 เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของการนำมาตรการปรับตัวโดยอาศัยระบบนิเวศเข้ามาใช้ในพื้นที่โครงการ นอกจากการลงพื้นที่สำรวจจากพื้นที่ต้นน้ำถึงปลายน้ำแล้ว ผู้เชี่ยวชาญยังได้นำเทคนิคการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอย่างรวดเร็ว (Rapid Environmental Assessment หรือ REA) ซึ่งรวมถึงการทำแบบสอบถามผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมาใช้ในการสำรวจครั้งนี้
ทีมสำรวจพบว่า แหล่งน้ำธรรมชาติในห้วยตาเปอะ ยังคงมีความอุดมสมบูรณ์อยู่มาก แนวกันชนธรรมชาติ (Natural buffer strips) ระหว่างแหล่งน้ำและพื้นที่เกษตรกรรมยังคงพบได้ทั่วไปตลอดแนวลำน้ำ บริเวณต้นน้ำยังเป็นป่าที่สมบูรณ์ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงจากภัยน้ำท่วมให้กับพื้นที่ปลายน้ำ อาจกล่าวได้ว่าพื้นที่ห้วยตาเปอะจัดเป็นพื้นที่ตัวอย่างของประเทศไทยที่ดีแห่งหนึ่ง ในการนำมาตรการการปรับตัวโดยอาศัยระบบนิเวศมาใช้ในระดับท้องถิ่น ผู้เชี่ยวชาญได้ใช้ข้อมูลและการประเมินการที่ได้เสนอกรมชลประทาน ในการตัดสินใจนำมาตรการปรับตัวโดยอาศัยระบบนิเวศในระดับที่สูงขึ้นเข้ามาใช้ในพื้นที่โครงการในขั้นต่อไป