โครงการพัฒนาเครือข่ายการทำความเย็นสีเขียว (Green Cooling Initiative: GCI III) ได้เริ่มดำเนินการแล้วตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา โครงการนี้เป็นโครงการระดับโลก ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงสิ่งแวดล้อม คุ้มครองธรรมชาติ ความปลอดภัยทางปรมาณูและคุ้มครองผู้บริโภค สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (BMUV) และดำเนินงานหลักโดยองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) โดยในระยะเวลา 3 ปีต่อจากนี้ โครงการ GCI III จะสนับสนุนประเทศสมาชิกในการเสริมสร้างความตระหนักรู้ รวมถึงความสามารถของทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในการพัฒนา “วิธีการทำความเย็นสีเขียว” โดยการใช้สารทำความเย็นธรรมชาติ และการส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับประเทศไทย โครงการ GCI III มุ่งเน้นการสนับสนุนให้ผู้ใช้ปลายทาง (End-users) รู้จักการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการทำความเย็นสีเขียว ผ่านเครื่องมือกลไกเชิงนโยบายและเชิงเทคนิค และเนื่องจากโครงการ GCI III ในประเทศไทยนี้ได้รับเลือกให้เป็นศูนย์ของภูมิภาคเอเชีย ดังนั้นเครือข่ายการทำความเย็นสีเขียว หรือ “GCI Network” ในประเทศไทย จะส่งเสริมการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ให้แก่หน่วยงานภายในประเทศและประเทศภาคีในภูมิภาคด้วย เนื่องจากการบริหารจัดการเทคโนโลยีการทำความเย็นสีเขียวอย่างปลอดภัยถือเป็นประเด็นสำคัญและต้องอาศัยทักษะที่ชำนาญของช่างเทคนิคและผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง โครงการ GCI III จึงได้ร่วมกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) เตรียมการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MoU) ในหัวข้อ “ความร่วมมือในการพัฒนาทักษะฝีมืออันยั่งยืนในภาคส่วนเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น (RAC)” โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาทักษะของบุคลากรในภาคส่วน RAC เกี่ยวกับวิธีการทำความเย็นสีเขียว
เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา ทางโครงการฯ ได้จัดการประชุมร่วมกับว่าที่ร้อยตรีสมศักดิ์ พรหมดำ รองอธิบดี กพร. เพื่อหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับขั้นตอนการจัดทำ MoU รวมถึงตกลงร่วมกันต่อกรอบความร่วมมือและการดำเนินการ ซึ่งได้แก่ (1) โปรแกรมและหลักสูตรการฝึกอบรม (2) มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติและใบประกอบวิชาชีพ (3) การเผยแพร่และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และ (4) กิจกรรมร่วมที่เกี่ยวข้องกับการทำความเย็นสีเขียว ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงความเกี่ยวข้องทั้งเชิงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเชิงเศรษฐกิจแล้ว ความร่วมมือนี้จะสนับสนุนความพยายามของประเทศไทยต่อการสร้างความเข้มแข็งในการแข่งขันในอุตสาหกรรมการทำความเย็น และในขณะเดียวกัน ยังสนับสนุนการดำเนินงานเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายของประเทศในด้านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอีกด้วย
ว่าที่ร้อยตรีสมศักดิ์ พรหมดำ รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กล่าวว่า “สืบเนื่องจากที่นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถ้อยแถลงและประกาศเจตนารมณ์ต่อที่ประชุม COP26 ว่าประเทศไทยพร้อมยกระดับการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศอย่างเต็มที่ เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี พ.ศ. 2593 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-zero Emissions) ในปี พ.ศ. 2608 กพร. ในฐานะหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบต่อการพัฒนามาตรฐานทักษะวิชาชีพ หลักสูตรการฝึกอบรมฝีมือแรงงาน และใบประกอบวิชาชีพของประเทศไทยนั้น พร้อมที่จะสนับสนุนและร่วมมือกับโครงการ GCI III ประเทศไทย เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาการทำความเย็นอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสมรรถนะของบุคลากรไทย ซึ่งมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์และนโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศ”
นางสาวเดนีส อันเดรส หัวหน้าโครงการ GCI III ประเทศไทย กล่าวว่า “การเสริมสร้างและพัฒนาความสามารถของช่างเทคนิคไทยในภาคส่วน RAC เป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญในการรักษาวิธีการทำความเย็นสีเขียวภายในประเทศให้เกิดความยั่งยืนและเป็นการส่งเสริมศักยภาพของบุคลากรเหล่านี้ให้เป็นที่รู้จักในระดับภูมิภาคและระดับโลก”
MoU นี้จะมีผลตั้งแต่วันที่ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมลงนาม ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในไตรมาสที่สามของปีนี้ และมีผลบังคับใช้จนถึงโครงการสิ้นสุดลง
นายณพวุฒิ ประวัติ ผู้ประสานงานโครการ อีเมล:noppavut.pravat(at)giz.de
Data from the following embedded codes are sent to Google Inc. More information in our Privacy Policy.
YouTube
Enable or disable cookies for embedding and playing YouTube videos on our site.
(เปิดหรือปิดคุกกี้สำหรับการฝังและเล่นวิดีโอ YouTube บนเว็บไซต์ของเรา)