ภาคธุรกิจเสนอแนวทางผนึกกําลังยกระดับตลาดน้ำมันปาล์มไทยสู่วิถียั่งยืน
วงสัมมนาธุรกิจปาล์มชี้ชัด ภาครัฐ นักธุรกิจ และผู้บริโภค เป็นผู้ที่มีบทบาทสําคัญต่อการสนับสนุนน้ํามันปาล์มยั่งยืนให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในประเทศไทย ด้วยการเรียกร้องบริษัทสินค้าโปรดของพวกเขา และช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยให้เข้าถึงตลาดโลกผ่านการรับรองมาตรฐานสากลของ RSPO
กรุงเทพ, 3 ธันวาคม 2563 – ที่เวทีการสัมมนาเชิงธุรกิจเรื่อง เส้นทางสู่การยกระดับตลาดปาล์มน้ํามันยั่งยืนในประเทศไทย ที่โรงแรมนิโก้ กรุงเทพฯ ซึ่งจัดขึ้นโดยองค์กรเจรจาระหว่างประเทศว่าด้วยปาล์มน้ํามันยั่งยืน (RSPO) และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ภายใต้โครงการการผลิตปาล์มน้ํามันและน้ํามันปาล์มอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดลอ้มในประเทศไทย (Sustainable and Climate-Friendly Palm Oil Production and Procurement: SCPOPP) มีการอภิปรายใน หัวข้อ “ถึงเวลา…ยกระดับ น้ํามันปาล์มไทยสู่วิถียั่งยืน” โดยมีผู้แทนภาคธุรกิจ องค์กรระหว่างประเทศ และเกษตรกรรายย่อย ราว 70 ราย เข้าร่วมการสัมมนาในครั้งนี้ ผ่านแนวคิด “ความรับผิดชอบร่วมกัน” (Shared Responsibility) เพื่อตอกย้ําความสําคัญของภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้บริโภคในประเทศที่ล้วนมีส่วนร่วมในการผลักดันและส่งเสริมให้เกษตรกร ผู้ปลูกน้ํามันปาล์มรายย่อยสามารถเข้าถึงมาตรฐานการรับรองระดับโลกเพื่อยกระดับน้ํามันปาล์มไทยสู่วิถียั่งยืน
ความต้องการใช้น้ํามันปาล์มที่กําลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วส่งผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม สิทธิมนุษยชน และแรงงาน จึงเกิดกระแสเรียกร้องให้ภาคธุรกิจปรับระบบการผลิตและการใช้น้ํามันปาล์มอย่างยั่งยืน สําหรับประเทศไทยผู้ผลิตน้ํามันปาล์มยั่งยืนส่วนใหญ่ คือ เกษตรกรรายย่อย ซึ่งเป็นผู้ผลิตต้นน้ําของห่วงโซ่การผลิตยังมีข้อจํากัดด้านโอกาส รวมทั้งการส่งเสริมจากภาครัฐและเอกชนให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อปรับเปลี่ยนและยกระดับการผลิตน้ํามันปาล์มจากวิถีดั้งเดิมไปสู่มาตรฐาน RSPO
ดร.แมทเทียส บิกเคล ผู้อํานวยการกลุ่มการเกษตรและความปลอดภัยด้านอาหาร องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) กล่าวว่า องค์กรฯ ให้ความสําคัญกับประเด็นดังกล่าวและส่งเสริมให้ภาครัฐและเอกชนของไทย เดินหน้าขับเคลื่อนการผลิตน้ํามันปาล์มด้วยวิถียั่งยืนผ่านโครงการ SCPOPP ร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชน มีการจัดการฝึกอบรม เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของเกษตรกรรายย่อยให้ได้รับการรับรองมาตรฐาน RSPO ซึ่งเป็นเครื่องมือสําคัญที่จะช่วยสร้างโอกาส ทางการตลาดน้ําปาล์มยั่งยืนของไทยสามารถเข้าถึงตลาดโลกได้
“การสนับสนุนแหล่งเงินทุนและการฝึกอบรมให้ความรู้แก่เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ํามันรายย่อยและชุมชนในพื้นที่ เพื่อยกระดับการผลิตน้ํามันปาล์มอย่างยั่งยืนเป็นปัจจัยสําคัญที่จะช่วยปรับปรุงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนให้สอดคล้องกับความต้องการอาหารโลก และเพื่อลดผลกระทบของสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงต่อทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม” ดร. แมทเทียสกล่าว
โครงการการผลิตปาล์มน้ํามันและน้ํามันปาล์มอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย (SCPOPP) ดําเนินงานร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อส่งเสริมเกษตรกรรายย่อยกว่า 3,000 รายทั่วประเทศผลิตน้ํามันปาล์มอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมีกรอบระยะเวลาดําเนินการตั้งแต่ เดือนกันยายน พ.ศ. 2561 – สิงหาคม พ.ศ. 2565 โครงการฯ คาดว่าจะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 9,600 ตัน จากการปลูกปาล์มน้ํามัน ทั้งยังสามารถลดค่าใช้จ่ายในการผลิตได้ประมาณร้อยละ 20 ภายในปี 2565 นี้
ด้าน มิสซิสเบฟเวอร์ลี่ พอสท์มา ประธานกรรมการบริหารของ RSPO ตอกย้ำให้เห็นถึงความสําคัญของเกษตรกรว่า การผนึกกําลังของเกษตรกรชาวสวนปาล์มรายย่อยเพื่อนําไปสู่วิถียั่งยืน จะเกิดผลดีต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกร ซึ่งเป็นเป้าหมายระยะยาวของพวกเรา RSPO ทั้งฝ่ายเลขานุการและสมาชิก เพราะพวกเราตระหนักดีว่าเกษตรกรรายย่อย มีบทบาทสําคัญในการยกระดับตลาดปาล์มน้ํามัน และมองเห็นว่านี่คือการแบ่งปันความรับผิดชอบที่ผู้เล่นทุกภาคส่วนในห่วงโซ่ธุรกิจปาล์มน้ํามันจะต้องให้คํามั่นสนับสนุน อย่างไรก็ตาม การผลิตปาล์มน้ํามันของประเทศไทย หลักๆ ผลิตโดยเกษตรกรชาวสวนปาล์มรายย่อย ที่ยังขาดโอกาสการเข้าถึงแหล่งทุนสนับสนุน ขาดทักษะและองค์ความรู้ด้านการจัดการสวนอย่างยั่งยืน และการรับรองมาตรฐานสากลที่จะช่วยให้สามารถเข้าสู่ตลาดโลกได้
“ปีที่แล้ว เรานํามาตรฐานเกษตรกรรายย่อยอิสระของ RSPO ฉบับใหม่มาใช้ โดยมุ่งหมายเพื่อช่วยให้เกษตรกรรายย่อย ได้รับการรับรองผ่านกลไกที่เป็นขั้นเป็นตอน และสอดคล้องกับหัวใจสําคัญของความยั่งยืน แม้ว่าปี 2563 จะเป็นปีที่มีความท้าทายสําหรับทุกคนที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก แต่พวกเรายังคงเห็นความก้าวหน้าที่ดีในส่วนการรับรองมาตรฐานเกษตรกรรายย่อยอิสระ และหวังว่าจะเห็นเกษตรกรรายย่อยในประเทศไทยได้รับการรับรองมากยิ่งขึ้นในอนาคตอันใกล้” ประธานกรรมการบริหารของ RSPO กล่าวทิ้งท้าย
ในปัจจุบัน น้ํามันปาล์มที่ได้รับการรับรองจาก RSPO คิดเป็นร้อยละ 19 หรือประมาณ 17.11 ล้านตันของผลผลิตน้ํามันปาล์มทั่วโลก ซึ่งในส่วนของประเทศไทย มีน้ํามันปาล์มยั่งยืนที่ได้รับการรับรองจาก RSPO เพียงแค่ร้อยละ 2.8 จากผลผลิตน้ํามันปาล์มรวมทั้งประเทศเท่านั้น
นายศาณินทร์ ตริยานนท์ นายกสมาคมผู้ผลิตไบโอดีเซลไทย และกรรมการบริษัท น้ํามันพืชปทุม จํากัด กล่าวว่า ผู้บริโภคมีส่วนอย่างมากในการกระตุ้นผู้ผลิตให้ดําเนินการตามมาตรฐาน RSPO จากกรณีศึกษาของประเทศในฝั่งยุโรปและสหรัฐอเมริกาพบว่า มีผู้บริโภคจํานวนมากปฏิเสธการสนับสนุนหรือเลือกซื้อผลิตภัณฑ์น้ํามันปาล์มที่มีแหล่งมาจากการปลูกรูปแบบเดิม ๆ ที่ไม่ได้รับการรับรองมาตรฐานความยั่งยืน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศป่าและความหลากหลายทางชีวภาพ ประเทศผู้ผลิตน้ํามันปาล์มรายสําคัญของโลกอย่างอินโดนิเซียและมาเลเซียจึงเริ่มปรับเปลี่ยนวิธีการในการปลูกปาล์มน้ํามันตามแนวปฏิบัติด้วยวิถีที่ยั่งยืนและเป็นไปตามมาตรฐานสากลเพื่อสร้างการยอมรับต่อผู้บริโภค
แม้ว่าอุตสาหกรรมน้ํามันปาล์มของไทยจะไม่ได้รับแรงกดดันโดยตรงเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในเวทีโลกอย่างเช่นประเทศเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ตาม นายกสมาคมผู้ผลิตไบโอดีเซลไทยยอมรับว่าภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์น้ํามันปาล์มในมุมมองของผู้บริโภคในประเทศยังค่อนข้างติดลบ โดยเฉพาะประเด็นผลกระทบต่อสุขภาพ ครั้งรัฐบาลประกาศยกเลิกการใช้ไขมันทรานส์ (Trans fat) เมื่อมกราคม 2562 เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อ เช่น เบาหวาน ความดัน หัวใจ เกิดความเข้าใจผิดว่า ให้ยกเลิกการบริโภคน้ํามันปาล์มเป็นวงกว้าง ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วน้ํามันที่ผลิตจากพืชทั้งหมด รวมทั้งน้ํามันปาล์มปราศจากไขมันทรานส์ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติเด่น คือ ไม่มีกลิ่นหืนและมีความเสถียรต่อความร้อนสูง จึงเหมาะที่จะนําไปประกอบอาหาร บทเรียนดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคควรได้รับข้อมูลและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับน้ํามันปาล์มในทุก ๆ ด้านเพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนเลือกซื้อ
“นอกจากความร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหกรรม ผู้ผลิตกับภาครัฐ เพื่อบูรณาการนโยบายการผลิตน้ํามันปาล์มอย่างยั่งยืนแล้ว การนํานโยบายไปสู่การปฏิบัติ คือ ก้าวสําคัญที่ภาคอุตสาหกรรมปาล์มไทยสามารถทําได้ทันทีเพื่อส่งเสริมเกษตรกรรายย่อยและสร้างมาตรฐานสากลด้านการผลิตปาล์มยั่งยืนให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในประเทศไทย” นายศาณินทร์กล่าว
GALLERY
ดร.กนกวรรณ ศาศวัตเตชะ
ผู้จัดการโครงการการผลิตปาล์มน้ํามันและน้ํามันปาล์มอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย
กลุ่มการเกษตรและความปลอดภัยด้านอาหาร องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ)
มือถือ: 084-123-0470
Email:kanokwan.saswattecha(at)giz.de