GIZ ประสานภาครัฐ-วิชาการ-เอกชน เปิดเวทีแลกเปลี่ยนแนวทางส่งเสริมการหยุดเผาในพื้นที่เกษตรกรรมภาคเหนือ

- จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ และจังหวัดพื้นที่ใกล้เคียงทางภาคเหนือตอนบนต้องเผชิญกับภาวะหมอกควันรุนแรงและฝุ่นพิษ PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน
- เกษตรกรแสดงความคิดเห็นสะท้อนถึงสาเหตุของการเผาในพื้นที่การเกษตรกรรม
- GIZ ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมถึงเกษตรกร หาทางออกให้กับปัญหาการเผาเศษซากพืชหรือวัชพืช
GIZ ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรจัดเวทีประชุมเชิงปฏิบัติการในจังหวัดเชียงรายเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและป้องกันปัญหาการเผาเศษซากพืชหรือวัชพืช และเศษวัสดุทางการเกษตรในพื้นที่การเกษตรกรรม ซึ่งก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศในภาคเหนือของประเทศไทย และเพื่อส่งเสริมการจัดการฟางข้าวอย่างยั่งยืน
การประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ “โครงการการนำร่องการใช้ประโยชน์ฟางข้าวอย่างยั่งยืน” และได้รับเกียรติจากผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ได้แก่ กรมการข้าว สำนักงานจังหวัดเชียงราย สำนักงานส่วนภูมิภาคและจังหวัดจากกรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร ศูนย์วิจัยข้าวเชียงราย ธนาคารเพื่อการเกษตรและการเกษตรสหกรณ์ (ธกส.) มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ บริษัท อูรมัต จำกัด บริษัทเป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จํากัด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มหาวิทยาลัยแม่โจ้ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง ทั้งหมด 66 ท่านเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับการส่งเสริมการหยุดเผาในพื้นที่เกษตรกรรม
ในหลายปีที่ผ่านมา จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ และจังหวัดพื้นที่ใกล้เคียงทางภาคเหนือตอนบน ต้องเผชิญกับภาวะหมอกควันรุนแรงและฝุ่นพิษ PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน เมื่อต้นปี พ.ศ. 2566 ค่าฝุ่นมลพิษทั้งสองจังหวัดอยู่ในลำดับต้น ๆ ของโลกที่มีมลพิษทางอากาศสูงสุดและส่งผลต่อภาวะสุขภาพ โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจ การเผาในพื้นที่เกษตรกรรมยังปล่อยก๊าซเรือนกระจกและส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ว่าที่ร้อยตรีดุจเดี่ยว วงศ์ภักดิ์ หัวหน้าสำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงราย ในฐานะผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เข้าร่วมเปิดการประชุมและกล่าวว่า “ปัญหาหมอกควันและมลพิษทางอากาศเป็นปัญหาที่ชาวบ้านในจังหวัดเชียงรายต้องเผชิญตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา จังหวัดเชียงรายจึงให้ความสำคัญกับการรณรงค์ลดการเผา โดยได้ผลักดันนโยบายงดการเผาในพื้นที่การเกษตรผ่านโครงการต้นแบบ “เกษตรปลอดการเผา” เพื่อลดปัญหาการเผาและสนับสนุนเกษตรกรในการจัดการฟางข้าว”

นางพจมาน วงษ์สง่า ผู้อำนวยการโครงการ GIZ กล่าวว่า “โครงการการนำร่องการใช้ประโยชน์ฟางข้าวอย่างยั่งยืน” มีจุดเริ่มต้นจากสำนักเลขาธิการอาเซียน เพื่อส่งเสริมวิธีการแปรรูปฟางข้าวและเศษชีวมวล เช่น การทำปุ๋ยหมักทดแทนการใช้ปุ๋ยเคมีที่ราคาแพง ช่วยลดต้นทุนการผลิต ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเผาและการใช้ปุ๋ยเคมี และยังสามารถสร้างรายได้เพิ่มแก่เกษตรกร”
“หลังการเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว เกษตรกรมักเผาฟางข้าวและตอซัง เนื่องจากไม่มีทางเลือกในการจัดการวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ดังนั้นการสาธิตและส่งเสริมวิธีการเปลี่ยนฟางข้าวเพื่อเพิ่มมูลค่า จะสามารถช่วยลดการเผาได้ในที่สุดและมีส่วนช่วยให้คุณภาพอากาศในจังหวัดเชียงรายดีขึ้น” นางพจมานกล่าว
สำหรับช่วงกิจกรรม ผู้เข้าร่วมประชุมแสดงความคิดเห็นและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อแนวทางแก้ไขปัญหาการเผาเศษวัสดุจากการเกษตร โดยกลุ่มตัวแทนเกษตรกรให้ข้อมูลว่าปัญหาเรื่องการเผายังไม่หมดไป เนื่องจากการบังคับใช้กฎหมายยังไม่เข้มงวด เกษตรกรบางกลุ่มขาดความรู้ความเข้าใจในการจัดการฟางข้าวที่ถูกต้อง ขาดการสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์เพื่อไถกลบและแปรรูปฟางข้าว รวมถึงปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ความเชื่อเรื่องการเผาป่ามีความเชื่อมโยงกับการเตรียมพื้นที่เพื่อเพาะปลูก การเผาด้วยความคึกคะนองหรือต้องการกลั่นแกล้งกัน จึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือกันจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการวางแผนพื้นที่การเกษตรแบบองค์รวม และส่งเสริมการหยุดเผาด้วยการประยุกต์ใช้วิธีการจัดการฟางข้าวที่เหมาะสม

ดร.อรทัย ใจตุ้ย ผู้อำนวยการกลุ่มวิเทศสัมพันธ์และโครงการพิเศษ สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ข้าว กรมการข้าว ให้เกียรติกล่าวปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ ได้กล่าวขอบคุณผู้ร่วมงานจากทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานของภาครัฐบาล ภาคเอกชนและกลุ่มเกษตรกร ที่มาร่วมแสดงความคิดเห็นเพื่อเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาการเผาเศษวัสดุจากการเกษตรและขอความร่วมมือจากทุกหน่วยงานร่วมทำงานและทำกิจกรรมร่วมกันต่อไป
โครงการนำร่องการใช้ประโยชน์ฟางข้าวอย่างยั่งยืนได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (BMZ) และอาเซียน โดยร่วมมือกับบริษัท อูรมัต จำกัด ซึ่งเป็นกิจการเพื่อสังคม ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับข้าวที่ได้รับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว และยังมีหน่วยงานวิจัยในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายให้ความร่วมมือด้านงานวิจัย เพื่อส่งเสริมเกษตรกรนำร่องในการพัฒนาธุรกิจต้นแบบจากการใช้ประโยชน์จากฟางข้าวอย่างยั่งยืน เช่น การนำฟางข้าวมาผลิตกระดาษและบรรจุภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้ การหมักปุ๋ยชีวภาพจากฟางข้าว นับเป็นกิจกรรมถ่ายทอดความรู้เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเผยแพร่ผลงานระหว่างประเทศภายในภูมิภาคอาเซียนได้เป็นอย่างดี
โทเบียส บรอยนิก
ผู้อำนวยการโครงการ “การนำร่องการใช้ประโยชน์ฟางข้าวอย่างยั่งยืน”
อีเมล:tobias.breunig(at)giz.de