เส้นทางการสร้างภูมิคุ้มกันของเมืองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย
กรมโยธาธิการและผังเมือง (ยผ.) และสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ผู้เชี่ยวชาญการวางผังเมือง และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ร่วมกันพัฒนาเกณฑ์และตัวชี้วัดการสร้างภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อเป็นกรอบการติดตามและประเมินผลในการวางผังเมือง
ทำไมตัวชี้วัดจึงเป็นสิ่งสำคัญ?
ปัจจุบันนี้ กระบวนการเกิดสังคมเมืองหรือความเป็นเมืองนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินและมีอิทธิพลต่อโอกาสการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคม ในอีกทางหนึ่งการพัฒนาทางเศรษฐกิจก็ส่งผลต่ออัตราการเติบโตและขยายตัวของพื้นที่เมือง ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภาครัฐได้ร่วมมือกันวางแผนเพื่อให้เมืองปลอดภัยและน่าอยู่สำหรับประชาชนรวมทั้งเศรษฐกิจที่เจริญเติบโต
ในกรอบการดำเนินงานด้านการวางผังเมืองและการพัฒนาเมืองโดยรวมแล้วมีวัตถุประสงค์ที่จะนำไปสู่การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน และเน้นความสำคัญในการดำเนินงานในระดับท้องถิ่น ตามที่ได้กล่าวในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป้าหมายที่ 11 เรื่องการพัฒนาเมืองและถิ่นฐานมนุษย์อย่างยั่งยืน และเป้าหมายที่ 13 เรื่องการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
นอกจากนี้ วาระใหม่แห่งการพัฒนาเมือง เป็นหนึ่งในเครื่องมือต่างๆ ที่ปรับให้เข้ากับบริบทท้องถิ่นเพื่อนำไปดำเนินงาน วาระใหม่แห่งการพัฒนาเมืองนี้เป็นเครื่องมือที่ตั้งมาตรฐานและหลักการสำหรับการวางแผน การสร้าง การพัฒนา การบริหารจัดการ และการปรับปรุงพื้นที่ในเมือง
ในประเทศไทย เป้าหมายสำคัญได้บรรลุผลสัมฤทธิ์แล้วในระดับแผนงานและนโยบายในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยการปรับปรุงแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปี พ.ศ. 2562 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์กลายเป็นสังคมเมืองอย่างรวดเร็ว รวมทั้งมีโจทย์ใหม่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่ส่งผลต่อความมั่นคงและความเป็นอยู่ของมนุษย์ ทั้งนี้ การปรับปรุงพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2562 ก็เป็นหนึ่งในโอกาสสำคัญที่ทำให้ได้มีการพิจารณาเรื่องผังเมืองที่มีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
แม้ว่าแนวคิดเรื่องการวางผังเมืองที่มีภูมิคุ้มกันฯ เป็นส่วนหนึ่งของกรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืน แต่การตรวจวัดและติดตามผลเมืองที่มีภูมิคุ้มกันฯ ยังมีการรับรู้ที่ค่อนข้างจำกัดอยู่มาก นอกจากนี้ยังมีประเด็นท้าทายอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็น
- 1) การไม่มีกระบวนการตรวจติดตามประเมินผลของการวางแผนและวางผังเมืองของระบบในปัจจุบัน ซึ่งทำให้ขาดความชัดเจนที่จะบ่งบอกสถานะในปัจจุบันได้ว่าควรพัฒนาไปในทิศทางใด
- 2) ประเด็นใดที่ควรพิจารณาเพื่อจัดทำนโยบายเมืองและดำเนินงานเพื่อการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและเป็นเครื่องมือสำหรับการตัดสินใจแก่ผู้วางนโยบาย เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันและติดตามความก้าวหน้าความสัมฤทธิ์ผลต่อการสร้างภูมิคุ้มกันของประเทศไทย
ก้าวแรกของการติดตามเรื่องการมีภูมิคุ้มกันของภาคเมืองในประเทศไทย
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 ยผ. และสผ. ด้วยการสนับสนุนจากโครงการสนับสนุนการจัดทำแผนการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในมิติการจัดการความเสี่ยง (Risk-NAP) ของ GIZ ได้จัดการประชุมกลุ่มย่อยเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในร่างเกณฑ์ และตัวชี้วัดเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันฯ และนำเสนอแนวทางการวางแผนเชิงพื้นที่สำหรับนักผังเมือง “เกณฑ์เรื่องภูมิคุ้มกันและตัวชี้วัดสำหรับการวางแผนเชิงพื้นที่เป็นรากฐานที่สำคัญต่อการวางแผนการพัฒนาประเทศในระยะยาว ซึ่งการหารือวันนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการพัฒนาต่อยอดในอนาคต” ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช รองเลขาธิการ สผ. กล่าว
นอกจากนี้ นางพจนีย์ ขจรปรีดานนท์ รักษาการที่ปรึกษาด้านการผังเมือง กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ย้ำเตือนถึงบทบาทที่สำคัญของนักผังเมืองต่อการบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามบทบาทหน้าที่ในการวางผังตามรูปแบบที่เหมาะสมและสอดคล้อง “การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในเมืองต่างๆ โดยการวางผังเชิงปรับตัวฯ จะเพิ่มขีดความสามารถศักยภาพในการปรับตัวของเมืองกับภาวะต่างๆ ได้” ซึ่งไม่เพียงแค่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างและการจัดโซนนิ่ง แต่ยังเกี่ยวกับเครื่องมือทางกฎหมายและกลไกขององค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัด ในฐานะผู้ดำเนินงานในระดับพื้นที่อีกด้วย
มร. ไฮริช กูเดนูส ผู้อำนวยการโครงการ Risk-NAP ของ GIZ กล่าวเสริมว่า “การนำตัวชี้วัดต่างๆ ที่ถูกนำเสนอและกลั่นกรองมาแล้ว ไปลองใช้ตรวจวัดจริงในพื้นที่นำร่องเพื่อติดตามประเมินผล จะช่วยให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น เพื่อที่จะนำมาปรับให้เหมาะสมทั้งในเรื่องเกณฑ์และตัวชี้วัด อีกทั้งยังเป็นประโยชน์ในแง่ของการให้ข้อเสนอแนะต่อผู้จัดทำนโยบายในระดับประเทศด้วย” และยังทิ้งท้ายไว้ถึงประเด็นผลประโยชน์ร่วมว่า “การวางผังเมืองมีความเกี่ยวเนื่องและเป็นประเด็นสหสาขา ที่เชื่อมโยงไปยังภาคส่วนอื่นๆ ดังนั้นจึงมีโอกาสที่จะช่วยลดความเสี่ยงและบรรเทาผลกระทบเชิงพื้นที่ได้ต่อในหลากหลายสาขาบนพื้นที่นั้นๆ ที่ได้รับผลกระทบ ”
นางอัญชลี ตันวานิช ผู้อำนวยการสำนักวิเคราะห์และประเมินผล ยผ. นำเสนอต่อที่ประชุมถึงระบบการตรวจติดตามและประเมินผลของ ยผ. ในปัจจุบันว่ามีตัวชี้วัดใดเกณฑ์ใดบ้างที่ ยผ. ใช้อยู่ และเป็นข้อมูลเริ่มต้นในการหารือในเวทีของการหารือครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมการประชุมฯ ดังกล่าว ได้แก่ บุคลากรนักผังชำนาญการจากสำนักต่างๆ ของ ยผ. เช่น กองแผนงาน สำนักผังเมืองรวม สำนักวิศวกรรมการผังเมือง สำนักผังประเทศและผังภาค
สำนักวิเคราะห์และประเมินผล สำนักงานวิเทศสัมพันธ์ บุคลากรนักสิ่งแวดล้อมจาก สผ. ได้แก่ กองสิ่งแวดล้อมชุมชนและพื้นที่เฉพาะ และกองประสานการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้ร่วมหารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นต่อ (ร่าง) ตัวชี้วัด ซึ่งส่วนหนึ่งพัฒนาขึ้นจากการเก็บข้อมูลจากพื้นที่นำร่องของโครงการฯ โดยมีคุณโจแอนนา แมคมิลลาน ร่วมลงพื้นที่กลุ่มจังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน 6 จังหวัด ดร.นพนันท์ ตาปนานนท์ ที่ปรึกษาโครงการ Risk NAP ได้ร่วมหารือและนำเสนอหัวข้อหลักของ (ร่าง) คู่มือสำหรับนักวางผังเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
มีโอกาสอะไรบ้างในการดำเนินงานในขั้นต่อไป ?
ผลจากการหารือครั้งนี้เป็นฐานตั้งต้นสำหรับการร่วมกันพัฒนาเกณฑ์และตัวชี้วัดสำหรับการมีภูมิคุ้มกันของภาคเมือง และได้รับทราบถึงข้อจำกัดเพื่อโอกาสในการพัฒนาข้อมูลในการตรวจติดตามร่วมกันระหว่างหน่วยงานและเสริมสร้างการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานได้ ผลลัพธ์ที่คาดหวังคือการสร้างกรอบการติดตามประประเมินผลที่มีข้อพิจารณาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งถูกบูรณาการเข้าไปในระบบตรวจติดตามของ ยผ. ที่ใช้อยู่และนำไปทดสอบในพื้นที่นำร่องก่อนขยายผลไปใช้ได้ในทางปฏิบัติจริง
วาระใหม่แห่งการพัฒนาเมือง
กำหนดมาตรฐานและหลักการสำหรับการวางแผน การก่อสร้าง การพัฒนา การจัดการและการปรับปรุงพื้นที่ในเมือง ตาม 5 เสาหลักของการดำเนินงาน ซึ่งได้แก่ นโยบายเมืองแห่งชาติ กฎหมายและระเบียบข้อบังคับของเมือง การวางผังเมืองและการออกแบบเศรษฐกิจท้องถิ่นและการเงินระดับเทศบาล และการดำเนินการในท้องถิ่น วาระใหม่แห่งการพัฒนาเมืองเป็นข้อมูลที่สำคัญสำหรับรัฐบาลทุกระดับ จากระดับชาติสู่ระดับท้องถิ่น องค์กรประชาสังคม ภาคเอกชน กลุ่มส่วนประกอบ และสำหรับทุกคนที่เรียกพื้นที่เมืองว่าเป็น “บ้าน”
ที่มา: http://habitat3.org
GALLERY
หฤษฎ์ เชื้อทอง
เจ้าหน้าที่โครงการ
Email:Harit.cheautong(at)giz.de