กลุ่มงานด้านพลังงานการบินยั่งยืน (SAF) ร่วมพูดคุยกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในไทยถึงความท้าทายและการพัฒนา SAF

โครงการ H2Uppp จัดงานประชุมเริ่มดำเนินงานกลุ่มงานด้านพลังงานการบินยั่งยืน (SAF) สานต่อความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสำคัญในภาคส่วนการบินและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา SAF ของประเทศไทย
- โครงการ H2Uppp ประเทศไทย จัดงานประชุมเริ่มต้นกลุ่มงานด้านพลังงานการบินยั่งยืน (SAF) เพื่อผลักดันความร่วมมือในการอภิปรายความท้าทายและการพัฒนาระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในไทยและเยอรมนีในภาคส่วนการบิน
- การประชุมเชิงปฏิบัติการของกลุ่มงาน SAF ทั้งหมดจะสร้างพื้นที่ให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในภาคอุตสาหกรรมได้ระบุถึงความท้าทาย ระดมความคิด และพัฒนาโมเดลธุรกิจที่ส่งเสริมการนำพลังงานไฮโดรเจนสีเขียวและพลังงานสู่อนุพันธ์อื่นๆ (Power-to-X: PtX) มาใช้ในภาคส่วนการบินของประเทศไทย
วันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 โครงการ International Hydrogen Ramp-Up (H2Uppp) ประเทศไทย จัดงานประชุมเริ่มดำเนินการกลุ่มงานด้านพลังงานการบินยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) เพื่อขับเคลื่อนการอภิปรายร่วมระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งจากไทยและเยอรมนีในด้านการพัฒนาและการนำเชื้อเพลิง SAF มาใช้ในภาคส่วนการบินในประเทศไทย โดยมีผู้ร่วมงานกว่า 30 คนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควิชาการ รวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสำคัญในภาคส่วนอุตสาหกรรมการบิน เช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) กลุ่มไทยออยล์ และตัวแทนบริษัทสายการบินต่างๆ
“อย่างที่เราทราบกันดีว่าอุตสาหกรรมการบินมีความสำคัญกับเศรษฐกิจของประเทศไทย และช่วยขับเคลื่อนการท่องเที่ยวและธุรกิจได้เป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกันก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในการลดการปล่อยคาร์บอน โดยคาดการณ์ว่าเชื้อเพลิง SAF จะเป็นทางออกที่ดีในการแก้ปัญหาดังกล่าว การดำเนินงานของกลุ่มงานนี้จึงเน้นไปที่การจัดการความท้าทาย สำรวจโอกาสต่างๆ และเร่งผลักดันการนำเชื้อเพลิง SAF มาใช้ภายในประเทศ” คุณอินซ่า อิลเก้น ผู้อำนวยการโครงการความร่วมมือไทย-เยอรมันด้านพลังงาน คมนาคม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (TGC EMC) จาก GIZ ประจำประเทศไทย กล่าว

คุณอินซ่า อิลเก้น ผู้อำนวยการโครงการความร่วมมือไทย-เยอรมันด้านพลังงาน คมนาคม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (TGC EMC) GIZ ประจำประเทศไทย ร่วมกล่าวเปิดการประชุม
ผู้เชี่ยวชาญสำคัญหลายคนได้มาร่วมงานนี้เพื่อให้ข้อมูลอัปเดตที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการพัฒนาเชื้อเพลิง SAF สำหรับประเทศไทยและของโลก ช่วงการบรรยายเริ่มจากคุณทิม นีส์ ผู้จัดการโครงการ H2Uppp แนะนำโครงการและอธิบายจุดประสงค์ของกลุ่มงาน SAF โดยสังเขป จากนั้นคุณเพนนิ เปง ผู้จัดการฝ่ายขายด้านพลังงานหมุนเวียนจากบริษัท เนสที จำกัด ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับห่วงโซ่คุณค่า ความท้าทาย และโอกาสจากเชื้อเพลิง SAFในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ต่อมา ดร.นุวงศ์ ชลคุป และ ดร.วิศาล ลีลาวิวัฒน์ จาก สวทช. ร่วมบรรยายข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับแผนนโยบายจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และการพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับเชื้อเพลิง SAF ในประเทศไทย คุณมาคัส รอธ หัวหน้าศูนย์พัฒนาศักยภาพเคมีและพลังงาน บริษัท ริคเคอร์มานน์ จำกัด ประจำประเทศไทย ได้นำเสนอแนวทางนวัตกรรมการเปลี่ยนน้ำมันใช้แล้วให้กลายเป็นเชื้อเพลิง SAF ในช่วงท้าย คุณฟรังค์ มิสช์เลอร์ จาก International PtX Hub Academy ประเทศเยอรมนี ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับนโยบายเชื้อเพลิง SAF ในสหภาพยุโรป (EU) และบทบาทสำคัญของเทคโนโลยีเปลี่ยนระบบไฟฟ้าไปเป็นของเหลว (Power-to-Liquids: PtL) ในการขับเคลื่อนการผลิตเชื้อเพลิง SAF

ดร.นุวงศ์ ชลคุป ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยพลังงานคาร์บอนต่ำและหัวหน้าทีมวิจัยพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน สวทช.
ผู้เข้าประชุมยังร่วมทำกิจกรรมเชิงปฏิบัติการระดมความคิดเพื่ออภิปรายและระบุหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับความท้าทายและแนวทางในการพัฒนาเชื้อเพลิง SAF ในภาคส่วนการบินของประเทศไทย หัวข้อสำคัญที่ได้รับความสนใจจากที่ประชุมมากที่สุด ได้แก่ แรงจูงใจจากภาครัฐ อุปสงค์ด้านวัตถุดิบและเชื้อเพลิงยานบิน และการประเมินความยั่งยืน ตามลำดับ เพื่อต่อยอดแรงผลักดันและการพบปะพูดคุยที่เกิดขึ้นภายในกลุ่มงาน โครงการ H2Uppp มีแผนที่จะจัดงานสัมมนาเชิงวิชาการ “SAF Business Case” ทุกสองเดือน โดยจะสานต่อความร่วมมือภายในกลุ่มงาน ผลักดันการคิดค้นไอเดียและการพัฒนาแม่แบบธุรกิจที่เป็นไปได้ และอภิปรายถึงประเด็นด้านทิศทางของตลาด โครงสร้างการจัดการ และบทบาทของภาครัฐในการสนับสนุนภาคส่วนการบินที่ยั่งยืน
แผนการพัฒนาพลังงานทางเลือกของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2567 ให้ความสำคัญกับเชื้อเพลิง SAF ในฐานะองค์ประกอบสำคัญในกลยุทธ์เพื่อลดการปลดปล่อยคาร์บอนในภาคส่วนการบิน โดยประเทศไทยตั้งเป้าที่จะประยุกต์ใช้เชื้อเพลิง SAF ในฐานะเชื้อเพลิงทางเลือก ให้ได้สัดส่วนเชื้อเพลิง SAF ผสม 1-2 เปอร์เซ็นต์ภายในปี พ.ศ. 2573 โดยตั้งเป้าหมายระหว่างทางไว้ที่ 1 เปอร์เซ็นต์ภายในปี พ.ศ. 2569 และเป้าหมายระยะไกลในสัดส่วน 8 เปอร์เซ็นต์ภายในปี พ.ศ. 2579 ทั้งนี้ รัฐบาลไทยกำลังศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจและการดำเนินงานของการประยุกต์ใช้เชื้อเพลิง SAF ในวงกว้าง ซึ่งอาจสูงถึง 1.85 ล้านลิตรต่อวันภายในปี พ.ศ. 2580 แผนพัฒนาดังกล่าวตรงกับพันธกิจของประเทศไทยในการลดการปลดปล่อยคาร์บอนในภาคส่วนการบินและส่งเสริมการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานที่เป็นไปตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อมนานาชาติ

คุณฟรังค์ มิสช์เลอร์ จาก International PtX Hub Academy ประเทศเยอรมนี



ผู้เข้าร่วมประชุมระดมความคิดในหัวข้อเกี่ยวกับความท้าทายและการพัฒนาเชื้อเพลิง SAF ในประเทศไทย
โครงการ H2Uppp ได้รับการสนับสนุนงบประมาณโดยกระทรวงเศรษฐกิจและการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (BMWK) ดำเนินโครงการทั่วโลกโดยองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) สำหรับโครงการ H2Uppp ในประเทศไทย มีหอการค้าเยอรมัน-ไทย (German-Thai Chamber of Commerce: GTCC) เป็นผู้ร่วมดำเนินการ และเป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาคของโครงการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยโครงการฯ ตั้งเป้าที่จะสนับสนุนนโยบายและพัฒนาตลาดสำหรับไฮโดรเจนสีเขียวและ Power-to-X ผ่านการศึกษาและการฝึกอบรม การริเริ่มความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (PPP) และโครงการต่างๆ ตลอดจนการส่งเสริมและเผยแพร่ความรู้และการสร้างเครือข่ายกับผู้เชี่ยวชาญในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับภาคเอกชนของประเทศเยอรมนี
ทิม นีส์
ผู้จัดการโครงการ H2Uppp
อีเมล: tim.nees(at)giz.de