“พัฒนาอินเตอร์คูล” ตั้งเป้าใช้สารทำความเย็นธรรมชาติ 100% ภายในปี พ.ศ. 2568
บริษัท พัฒนาอินเตอร์คูล จำกัด เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายตู้แช่และเครื่องทำความเย็นให้แก่กลุ่มลูกค้าชั้นนำของประเทศไทยมากมาย อาทิ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ คาเฟ่ และร้านอาหารต่าง ๆ โดยในปัจจุบันอยู่ภายใต้การบริหารงานของคุณเอกพงษ์ ตั้งสิริมานะกุล ผู้จัดการทั่วไปและทายาทรุ่นที่ 2 ซึ่งคุณเอกพงษ์เชื่อมั่นในการทำธุรกิจที่มุ่งเน้นความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ทำไมบริษัทจึงสนใจเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีสารทำความเย็นธรรมชาติ
“ในฐานะผู้ผลิต เรามีส่วนในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศเป็นจำนวนมาก ยิ่งธุรกิจเราโตขึ้น เราก็ยิ่งปล่อยก๊าซเหล่านี้มากขึ้น แต่เราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจที่จะหาวิธีในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการทำธุรกิจของเรา โดยพยายามหาแนวทางใหม่ๆ และเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เราก็ได้รู้จักสารทำความเย็นธรรมชาติ ซึ่งหลังจากศึกษาสารตัวนี้ ทางบริษัทของเราก็ตัดสินใจและตั้งเป้าหมายที่จะเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Cooling Technology) ให้ได้ 100% ในทุกสายการผลิต ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า”
ประโยชน์ที่บริษัทเล็งเห็นจากการเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีทำความเย็นธรรมชาติมีอะไรบ้าง
“ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดประกอบด้วย 3 ข้อหลักๆ ได้แก่ ค่าไฟฟ้าที่ลดลง ความยั่งยืนที่เพิ่มขึ้น และความเชื่อมั่นของลูกค้าต่อผลิตภัณฑ์ของเราที่มีมากขึ้น ซึ่งพอเปลี่ยนมาใช้น้ำยา R290 ปริมาณน้ำยาที่ใช้ในการชาร์จลงในแต่ละอุปกรณ์ก็ลดลงถึงครึ่งหนึ่ง ในส่วนของค่าศักยภาพที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน (Global Warming Potential: GWP) ก็มีค่าต่ำมาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้สอดรับกับแนวโน้มของตลาดที่ผู้บริโภคเรียกร้องผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น”
บริษัทดำเนินมาตรการอย่างไรลูกค้าจึงเปลี่ยนมาใช้สารทำความเย็นธรรมชาติ
“บริษัทของเรายึดมั่นในการนำเสนอเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดและมีความเหมาะสมที่สุดให้กับลูกค้า เราได้แจ้งให้ลูกค้าทราบถึงประโยชน์ที่มาพร้อมกับสารทำความเย็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นค่าไฟฟ้าที่ลดลง ปริมาณน้ำยาที่ใช้ในอุปกรณ์ที่ลดลงจากเดิมถึงครึ่งหนึ่ง รวมถึงผลดีที่จะเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันเราก็ได้ทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อลดความกังวลในเรื่องของความปลอดภัยของการใช้สารทำความเย็นธรรมชาติ โดยในช่วงแรก เราได้เรียนเชิญลูกค้าในเครือของบริษัทมารับชมการสาธิตการติดไฟของอุปกรณ์ เพื่อให้เห็นว่า แม้จะติดไฟ แต่ก็ไม่ก่อให้เกิดอันตราย เนื่องจากปริมาณน้ำยาแอร์ที่ในแต่ละเครื่องมีระดับต่ำมาก และเรายังจัดการฝึกอบรมให้กับช่างเทคนิคที่มีหน้าที่ดูแลอุปกรณ์ตั้งแต่การจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์ การติดตั้ง และการดูแลบำรุงรักษา ที่บริษัทเราเองและที่บริษัทของลูกค้า เพื่อให้ช่างเทคนิคที่อยู่หน้างานเกิดความมั่นใจและความเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยีนี้”
หลังจากได้วางจำหน่ายไปแล้ว ผลตอบรับเป็นไปในทิศทางใด และวางเป้าในอนาคตไว้อย่างไร
“ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เราได้ส่งมอบตู้แช่ R290 ให้กับลูกค้าเป็นจำนวนกว่า 1,000 ตู้ ผลตอบรับที่ได้กลับมาคือตู้แช่เย็นเร็วขึ้น ค่าไฟลดลง และตอบโจทย์เรื่องความยั่งยืนได้ดีมาก เพราะสารทำความเย็นธรรมชาติเป็นสารทำความเย็นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งพอผลตอบรับที่ได้กลับมาดีแบบนี้ ทำให้ลูกค้ารายอื่นๆ หันมาสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ R290 มากขึ้น และสั่งน้ำยาตัวอื่นๆ น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด”
มีอะไรอยากจะฝากถึงผู้ผลิตที่กำลังพิจารณาที่จะเปลี่ยนมาใช้สารทำความเย็นธรรมชาติบ้าง
“บริษัทพัฒนาอินเตอร์คูล มีความตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของเราให้ดียิ่งขึ้น โดยเราไม่ได้มองแค่ยอดขาย แต่เราต้องการที่จะเป็นผู้นำในธุรกิจตู้แช่ที่นำพาธุรกิจของคนไทยไปสู่ความยั่งยืน เราดีใจที่เสียงตอบรับจากกลุ่มลูกค้าของเราเป็นไปในทิศทางที่ดี เพราะสุดท้ายแล้ว สิ่งแวดล้อมที่ดีก็จะย้อนกลับมาหาตัวเรา และสังคมของเรา”
โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการลดก๊าซเรือนกระจกที่เหมาะสมของประเทศในอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น หรือ Thailand RAC NAMA สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงและสารทำความเย็นธรรมชาติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในการเปลี่ยนสายการผลิต การออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อให้สอดรับกับเทคโนโลยีทำความเย็นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การสนับสนุนด้านเทคนิค ด้านนโยบาย และการฝึกอบรมช่าง
องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ดำเนินโครงการร่วมกับรัฐบาลไทย ได้แก่ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) และ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
โครงการฯ ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากกองทุน NAMA Facility โดยกระทรวงสิ่งแวดล้อม คุ้มครองธรรมชาติ และความปลอดภัยทางปรมาณู (BMU) ของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และกระทรวงธุรกิจและยุทธศาสตร์ ด้านพลังงานและอุตสาหกรรม (BEIS) ของสหราชอาณาจักร โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการถึงเดือนมีนาคมปี พ.ศ. 2564
GALLERY
อนุสรา แท่นพิทักษ์ (ซาร่า)
เจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารโครงการ
Email:anusara.tanpitak(at)giz.de