ปริมาณขยะในภูเก็ตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในจำนวนนั้น คือ ขยะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง หากปริมาณขยะพลาสติกยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในไม่ช้าระบบการจัดการขยะของภูเก็ตจะไม่สามารถรองรับปริมาณขยะที่มากขึ้นเช่นนี้

โครงการส่งเสริมการใช้เศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อจัดการปัญหาขยะทะเล ได้สนับสนุนโครงการนำร่องเพื่อลดปริมาณขยะพลาสติกและยกระดับกลไกการจัดการขยะในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากสหภาพยุโรป (EU) และกระทรวงเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (BMZ) โครงการนำร่องเปิดตัวเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และดำเนินงานโดยมูลนิธิเพื่อสิ่งแวดล้อมภูเก็ต

เป้าหมายของโครงการฯ คือ เพื่อลดปริมาณขยะจากแหล่งกำเนิดขยะที่มาจากสี่ภาคส่วน ได้แก่ ธุรกิจการท่องเที่ยว การบริการส่งอาหารและร้านอาหาร รวมถึงครัวเรือนและชุมชนชายฝั่ง ซึ่งก้าวแรกของการดำเนินงานนั้น จะมุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างบริษัทบริการส่งอาหารและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางเลือกในการลดปริมาณขยะบรรจุภัณฑ์พลาสติก เช่น บรรจุภัณฑ์ทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

“แม้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะส่งผลให้ภูเก็ตไม่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศลดลง แต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเริ่มพัฒนาการจัดขยะพลาสติก โดยภาคธุรกิจ ครัวเรือน ชุมชนชายฝั่ง เรือประมงและเรือท่องเที่ยว ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดขยะ จะสามารถป้องกันและจัดการขยะได้ก่อนที่ภูเก็ตจะเปิดรับนักท่องเที่ยวจากนานาประเทศอีกครั้ง”  นายวิโรจน์ ภู่ต้อง ประธานมูลนิธิเพื่อสิ่งแวดล้อมภูเก็ต กล่าว

วัตถุประสงค์ของโครงการนำร่อง สอดคล้องกับการดำเนินงานในระดับประเทศ ที่ล่าสุดพยายามจะลดปริมาณการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งในบริการส่งอาหารหลังจากที่ปริมาณขยะพลาสติกเพิ่มขึ้นจำนวนมาก เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทั้งภาครัฐและเอกชนได้ร่วมกันหารือและได้ข้อสรุปเป็นข้อตกลงความร่วมมือ เพื่อลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งในบริการส่งอาหารโดยมี 13 ภาคีเครือข่ายร่วมลงนามในพิธีที่จัดขึ้นโดยกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา โดย GIZ ร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ ดำเนินงานร่วมกันในประเด็นนี้ต่อไป

โครงการนำร่องในจังหวัดภูเก็ต เป็นหนึ่งในห้าโครงการนำร่อง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากโครงการส่งเสริมการใช้เศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อจัดการปัญหาขยะทะเลในประเทศไทย สำหรับโครงการนำร่องอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการจัดการขยะพลาสติก ยังคงอยู่ในขั้นเตรียมการที่จังหวัดระยองและตรัง นอกจากนี้ โครงการฯ จะร่วมมือกับท่าเรือกรุงเทพฯ สมุทรปราการ ชลบุรี ปัตตานี สงขลา และภูเก็ต เพื่อป้องกันการรั่วไหลขยะจากเรือขนส่งและเรือประมงลงสู่ทะเลอีกด้วย