GIZ สนับสนุนคณะผู้แทนไทยศึกษาดูงานการบูรณาการระหว่างภาคเกษตรและพลังงาน ณ เยอรมนี

การศึกษาดูงาน ณ รัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี เปิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับการผลิตพลังงานหมุนเวียนและการสร้างรายได้หลากหลายสำหรับภาคเกษตรของไทย
เมื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสร้างความไม่แน่นอนต่อผลผลิต ราคาตลาดที่ผันผวน และต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจที่อาชีพเกษตรกรจะได้รับความนิยมน้อยลง ซึ่งเกษตรกรไทยโดยเฉลี่ยมีอายุมากกว่า 58 ปี และมีทายาทเพียงไม่กี่คนที่พร้อมรับช่วงต่อกิจการของครอบครัว อย่างไรก็ดี ลองจินตนาการถึงวิศวกรรุ่นใหม่ที่ได้รับมรดกเป็นไร่ข้าวบาร์เลย์ แล้วตัดสินใจติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในไร่นั้น ทำให้มีรายได้ทั้งจากการขายข้าวบาร์เลย์และไฟฟ้า แนวทางเช่นนี้ช่วยเชื่อมโยงการทำเกษตรให้สอดคล้องกับแนวคิด การศึกษา และค่านิยมของคนรุ่นใหม่ยิ่งขึ้น

การปลูกถั่วเหลืองร่วมกับการติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์
การบูรณาการพลังงานเข้ากับการเกษตร เช่น ระบบการปลูกพืชร่วมกับการติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ (Agricultural Photovoltaics หรือ Agri-PVs) ระบบก๊าซชีวภาพ และพลังงานลม สามารถสร้างโอกาสที่น่าสนใจสำหรับเกษตรกรแห่งอนาคต โดยเมื่อวันที่ 6 – 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 คณะผู้แทนจากประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติงานจากหน่วยงานภายใต้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วมศึกษาดูงาน ณ รัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี เพื่อเรียนรู้แนวทางการบูรณาการข้ามภาคส่วนดังกล่าว การศึกษาดูงานตลอดหนึ่งสัปดาห์นี้มุ่งเน้นที่ตัวอย่างภาคปฏิบัติและแนวทางเชิงนโยบายที่แสดงให้เห็นว่าภาคเกษตรและภาคพลังงานสามารถร่วมมือกันเพื่อสร้างประโยชน์ร่วมได้อย่างไร
ถอดบทเรียนจากเยอรมนี: ทางออกที่เป็นรูปธรรมและการแลกเปลี่ยนนโยบาย
การเยือนของคณะผู้แทนเริ่มต้นด้วยการหารือเชิงยุทธศาสตร์ ณ กระทรวงอาหาร เกษตร ป่าไม้ และการท่องเที่ยวแห่งรัฐบาวาเรีย (StMELF) เกี่ยวกับการสร้างกรอบนโยบายที่จูงใจให้มีการผลิตพลังงานในพื้นที่เกษตร โดยไม่กระทบต่อความมั่นคงทางพลังงานและอาหาร จากนั้น คณะผู้แทนได้เยี่ยมชมแปลงวิจัยและสาธิตระบบ Agri-PVs ในเมืองกรูบ ดำเนินการโดยรัฐบาวาเรีย ซึ่งแปลงสาธิตแห่งนี้สามารถผลิตไฟฟ้าเพียงพอสำหรับ 250 ครัวเรือน ขณะที่ยังคงรักษาพื้นที่เพาะปลูกไว้ได้ถึง 85% ของพื้นที่ทั้งหมด

การเยี่ยมชม Agri-PVs สามแบบ

การนำเสนอจากองค์กร Technology and Support Centre (TFZ) ของกระทรวง StMELF

ลานเลี้ยงแกะใต้แผง Agri-PVs
คณะผู้แทนยังได้พบกับตัวแทนจากองค์กร Technology and Support Centre (TFZ) ของกระทรวง StMELF ซึ่งให้คำแนะนำและข้อมูลเกี่ยวกับพลังงานหมุนเวียนและประสิทธิภาพการใช้พลังงานในชนบทของรัฐบาวาเรีย นอกจากนี้ ยังได้เยี่ยมชมแปลง Agri-PVs ที่ผสมผสานกับพื้นที่เลี้ยงสัตว์ โดยเกษตรกรรายนี้เลี้ยงแกะ และติดตั้งแผงโซลาเซลล์ที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้จากทั้งแสงอาทิตย์และแสงจันทร์
จุดหมายอื่นๆ ในระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ Eiselfing Energy Park ซึ่งเป็นโรงงานผลิตก๊าซชีวภาพที่เปลี่ยนวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิตพลังงาน โดยสามารถจ่ายไฟฟ้าให้กับบ้านเรือนได้ราว 670 ครัวเรือน ในประเทศไทยและอีกหลายประเทศ เกษตรกรมักเผาวัสดุเหลือใช้เหล่านี้ทิ้งเนื่องจากเป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็ว แต่โรงงานแห่งนี้แสดงให้เห็นว่าวัสดุเหลือใช้ถูกเปลี่ยนให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นพลังงานหรือปุ๋ยหมัก เพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรได้อย่างเป็นรูปธรรม อีกตัวอย่างหนึ่งของการสร้างรายได้เสริมจากพื้นที่เกษตร คือฟาร์มเกษตรอินทรีย์ “มุลเลอร์ฮอฟ (Müllerhof)” ที่ใช้กังหันน้ำผลิตไฟฟ้า ซึ่งช่วยให้ฟาร์มอยู่รอดและทำกำไรได้ เรื่องราวของฟาร์มมุลเลอร์ฮอฟแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของระบบพลังงานแบบบูรณาการซึ่งช่วยให้ฟาร์มมีความยั่งยืนและสร้างผลกำไรในระยะยาว

การแปรรูปวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเป็นปุ๋ยและวัตถุดิบสำหรับการผลิตพลังงาน ณ Eiselfing Energy Park

การเยี่ยมชมฟาร์มเกษตรอินทรีย์ “มุลเลอร์ฮอฟ (Müllerhof)”
ไฮไลต์: วิลด์โพลด์สรีด (Wildpoldsried) – หมู่บ้านพลังงานต้นแบบของเยอรมนี
ผู้แทนได้เยี่ยมชมหมู่บ้านวิลด์โพลด์สรีด หรือเป็นที่รู้จักในนาม “หมู่บ้านพลังงานของเยอรมนี” หมู่บ้านแห่งนี้ผลิตพลังงานได้มากกว่าที่หมู่บ้านต้องการใช้ถึงเจ็ดเท่า จากทั้งพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ ก๊าซชีวภาพ และพลังงานน้ำ ทำให้สามารถขายพลังงานส่วนเกินกลับเข้าสู่ระบบสายส่ง โดยเบื้องหลังความสำเร็จของหมู่บ้านนี้มาจากการที่ชาวบ้านรู้สึกว่าเป็นเจ้าของของชุมชนอย่างแท้จริง พร้อมร่วมลงทุนในพลังงานหมุนเวียนและได้รับผลตอบแทนทางเศรษฐกิจโดยตรงจากโครงการพลังงานเหล่านี้ ครั้งนี้ คณะผู้แทนไทยได้รับเกียรติจากรองนายกเทศมนตรีของหมู่บ้าน เป็นผู้นำชมโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและโครงการพัฒนาชุมชนต่างๆ ด้วยตนเอง เป็นการจุดประกายให้เกิดการหารือที่น่าสนใจว่าแนวทางนี้จะสามารถนำมาปรับใช้ในบริบทของไทยได้อย่างไร

การนำเสนอจากคุณกึนเทอร์ เมอเกเล่ (Günter Mögele) รองนายกเทศมนตรีของหมู่บ้านวิลด์โพลด์สรีด

หมู่บ้านวิลด์โพลด์สรีด ผลิตพลังงานได้มากกว่าความต้องการใช้ในหมู่บ้านถึงเจ็ดเท่า
ในขณะที่ประเทศไทยกำลังดำเนินการตามพันธกิจด้านพลังงานและสภาพภูมิอากาศ (พลังงานหมุนเวียน 51% ภายในปี พ.ศ. 2580 และมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี พ.ศ. 2593) การบูรณาการระหว่างภาคเกษตรและพลังงานหมุนเวียนจะเป็นแนวทางที่จับต้องได้สำหรับการบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ และยังเป็นเส้นทางอาชีพที่น่าตื่นเต้นสำหรับเกษตรกรรุ่นใหม่
การฟื้นฟูภาคเกษตรของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเผชิญกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศและการเปลี่ยนแปลงด้านประชากร ต้องอาศัยมากกว่าแค่การปฏิรูปการเกษตรแบบเดิมๆ หากคุณยังจำเรื่องราวของวิศวกรรุ่นใหม่ที่มารับช่วงต่อดูแลไร่ข้าวบาร์เลย์ที่เล่าไว้ข้างต้นได้ ระหว่างการดูงานครั้งนี้คณะผู้แทนได้บังเอิญพบกับชายหนุ่มชื่อ ‘ฟิลลิป’ ที่ครอบครัวมีฟาร์มและหวังจะส่งต่อให้เขาสักวันหนึ่ง ฟิลลิปเองก็กำลังศึกษาด้านพลังงานหมุนเวียน โดยมีแผนจะติดตั้ง Agri-PVs ในที่ดินของครอบครัวทันทีที่เขาจบการทำวิจัย ฟิลลิปคือตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการคิดนอกกรอบและเปิดรับการทำงานข้ามภาคส่วน ด้วยแนวทางนี้เขากำลังเปลี่ยนแปลงการทำเกษตรให้กลายเป็นอาชีพแห่งอนาคต ไม่ใช่เพียงภาพจำในอดีตเหมือนที่ผ่านมา

การแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการถอดบทเรียนเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในบริบทของประเทศไทย
“ขอขอบคุณ GIZ และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่ได้จัดกิจกรรมศึกษาดูงานเชิงบูรณาการด้านการเกษตรและพลังงาน ณ ประเทศเยอรมนี ครั้งนี้เป็นโอกาสที่ทำให้เราเห็นอย่างชัดเจนว่าภาคเกษตรสามารถมีบทบาทสำคัญในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศควบคู่กับภาคพลังงาน ผ่านความร่วมมือของภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของประเทศเยอรมนี โดยจะนำสิ่งที่ได้เรียนรู้กลับไปส่งเสริมและผลักดันให้เกิดประโยชน์แก่เกษตรกรไทยต่อไป” คุณครองศักดิ์ สงรักษา รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าว
เกี่ยวกับองค์กร
การศึกษาดูงานครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากโครงการความร่วมมือไทย-เยอรมันด้านพลังงาน คมนาคม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลุ่มงานพลังงานชีวมวล (Thai-German Cooperation on Energy, Mobility and Climate: TGC EMC Biomass Component) ซึ่งส่งเสริมการใช้พลังงานยั่งยืนโดยใช้วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร (ชีวมวล) ในประเทศไทย โครงการนี้ได้รับทุนจากแผนงานปกป้องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระดับสากล (IKI) ภายใต้กระทรวงเศรษฐกิจและการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (BMWK) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566 ถึง พ.ศ. 2570
การศึกษาดูงานครั้งนี้จัดขึ้นด้วยความตั้งใจอย่างยิ่งโดย WeDo Feldafing ณ ศูนย์การประชุมและฝึกอบรมนานาชาติ (ICT) ณ เมืองเฟลดาฟิง โดยอาศัยประสบการณ์อันยาวนานในด้านความร่วมมือข้ามสาขา การพัฒนาศักยภาพ และการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างประเทศ
ลิศา เฟ้าสต์
ผู้จัดการโครงการ TGC EMC กลุ่มงานพลังงานชีวมวล GIZ ประจำประเทศไทย
อีเมล: lisa.faust(at)giz.de
โยฮันนา เฟเดอริค เกราวุนเดอร์ (Johanna Friederike Grawunder)
WeDo Feldafing
อีเมล: johanna.grawunder(at)giz.de