GIZ จัดเวิร์กชอประบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ เพื่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าและการเปลี่ยนผ่านพลังงานของไทย

หน่วยงานด้านพลังงานหลักของไทยเข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ BESS
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2568 องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ประจำประเทศไทย ผ่านโครงการ Partnerships to Accelerate the Global Energy Transition (PACT) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก GET.transform ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการหัวข้อ ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage Systems: BESS) เพื่อส่งเสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้าและการเปลี่ยนผ่านพลังงานของประเทศไทย การประชุมครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานด้านพลังงานสำคัญของไทย ได้แก่ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) โดยมีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับบทบาทของ BESS ที่เปลี่ยนแปลงไปในการเพิ่มความยืดหยุ่นและความมั่นคงของระบบไฟฟ้า

คุณลาร์ส อัลเลอร์ไฮลิเกน ที่ปรึกษาผู้จัดการ PACT สำหรับกิจกรรมระดับนานาชาติ จาก GIZ และคุณชาติชนิส เกษมวงศ์ ผู้จัดการโครงการ PACT ประเทศไทย จาก GIZ ประจำประเทศไทย ในช่วงเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ BESS
คุณลาร์ส อัลเลอร์ไฮลิเกน ที่ปรึกษาโครงการ PACT สำหรับกิจกรรมในระดับนานาชาติ จาก GIZ กล่าวเปิดการประชุม โดยเน้นย้ำความสำคัญของความร่วมมือด้านเทคนิคอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนเป้าหมายด้านพลังงานหมุนเวียนของประเทศไทย ขณะที่คุณชาติชนิส เกษมวงศ์ ผู้จัดการโครงการ PACT ประเทศไทย จาก GIZ ประจำประเทศไทย ได้กล่าวถึงภาพรวมของการดำเนินงานเกี่ยวกับ BESS ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 ซึ่งมุ่งเน้นการเสริมสร้างขีดความสามารถในระดับประเทศ ผ่านการแลกเปลี่ยนความรู้และการเจาะลึกด้านเทคนิคที่สอดคล้องกับบริบทของไทย

ดร.พีรพัฒน์ วิทยศรีเจริญ จากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) นำเสนอความก้าวหน้าด้านการบูรณาการพลังงานหมุนเวียนในระดับสากล
ในลำดับถัดมา ดร.พีรพัฒน์ วิทยศรีเจริญ จากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้นำเสนอข้อมูลเพื่อให้เห็นภาพในระดับภูมิภาคเกี่ยวกับการเติบโตอย่างรวดเร็วของกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในอาเซียน และแนะนำกรอบแนวทาง 6 ขั้นตอนของ IEA สำหรับการบูรณาการพลังงานหมุนเวียน (VRE) เข้ากับระบบไฟฟ้า ดร.พีรพัฒน์ระบุว่าขณะนี้ประเทศไทยอยู่ใน VRE ระยะที่ 1 และคาดว่าจะเข้าสู่ VRE ระยะที่ 2 ภายในปี พ.ศ. 2573 ซึ่ง BESS จะมีบทบาทสำคัญในการเสริมความยืดหยุ่นของโครงข่ายไฟฟ้าในระยะสั้น นอกจากนี้ ยังมีการหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับศักยภาพของระบบกักเก็บพลังงานหลังมิเตอร์ (Behind-the-Meter) ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่เนื่องจากข้อจำกัดด้านข้อมูลและกฎระเบียบ

ดร.เอคเคอฮาร์ด เทรอสเตอร์ ประธานบริษัทและที่ปรึกษาอาวุโสจากบริษัท Energynautics บรรยายเชิงเทคนิคในหัวข้อ BESS
ในการประชุม ดร.เอคเคอฮาร์ด เทรอสเตอร์ ประธานบริษัทและที่ปรึกษาอาวุโสจากบริษัท Energynautics ได้บรรยายเชิงเทคนิคทั้งหมด 3 หัวข้อหลัก ได้แก่:
- เสถียรภาพและความมั่นคงของระบบโครงข่ายไฟฟ้า: นำเสนอตัวอย่างจากต่างประเทศ โดยเฉพาะออสเตรเลีย เพื่อแสดงให้เห็นว่า BESS สามารถช่วยควบคุมแรงดันไฟฟ้าและความถี่ในระบบที่มีสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนสูง (High-VRE systems) ได้อย่างไร
- ข้อกำหนดของรหัสระบบโครงข่าย (Grid Code): กล่าวถึงมาตรฐานการเชื่อมต่อและการปฏิบัติตามข้อกำหนดจากประเทศฟินแลนด์และเยอรมนี พร้อมเน้นย้ำถึงความจำเป็นของการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานกำกับดูแล ผู้ให้บริการระบบโครงข่าย และผู้ผลิตอุปกรณ์
- รูปแบบทางธุรกิจของ BESS: นำเสนอกรณีการใช้งานในด้านการควบคุมความถี่ และการจัดการความแออัดของระบบ พร้อมหารือถึงแนวทางการปรับใช้โมเดล BOOT (Build-Own-Operate-Transfer: แนวทางที่เอกชนลงทุน ดำเนินการ และโอนทรัพย์สินคืนให้ภาครัฐในภายหลัง) ให้เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย

การประชุมกับ กฟผ. ว่าด้วยการวางแผน BESS ความยืดหยุ่นของระบบ และการประเมินมูลค่าการจัดเก็บพลังงาน
ในช่วงบ่าย มีการจัดการประชุมเชิงลึกด้านเทคนิคร่วมกับ กฟผ. โดยเน้นประเด็นการวางแผนขั้นสูง เช่น การกำหนดขนาดระบบ BESS การออกแบบระบบควบคุม ปัญหาด้านอัตราค่าไฟและการจำกัดการผลิต (Curtailment) และบทบาทของ BESS ในการเพิ่มความยืดหยุ่นของระบบ ทั้งนี้ ยังมีการแนะนำแนวทางการใช้แบบจำลองเพื่อประเมินมูลค่าทางเทคนิคและเศรษฐกิจของระบบกักเก็บพลังงานในบริบทต่างๆ อีกด้วย

อินซ่า อิลเก้น ผู้อำนวยการโครงการ TGC EMC โดย GIZ ประจำประเทศไทย กล่าวปิดการประชุม โดยเน้นย้ำบทบาทสำคัญของ BESS ในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานของประเทศไทย
ในช่วงสุดท้าย คุณอินซ่า อิลเก้น ผู้อำนวยการโครงการความร่วมมือไทย-เยอรมัน ด้านพลังงาน คมนาคม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (TGC EMC) โดย GIZ ประจำประเทศไทย ได้กล่าวปิดงาน พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของระบบไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพและ BESS ที่ช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานของประเทศไทยในระยะยาว พร้อมเชิญชวนให้หน่วยงานต่างๆ ของไทยร่วมกันหารืออย่างต่อเนื่อง เพื่อระบุปัญหาและพัฒนาแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศ โดยใช้ BESS เป็นทั้งเครื่องมือทางเทคนิคและเวทีแห่งความร่วมมือ