ในกรุงเทพฯ ไอเสียจากรถยนต์บริเวณที่มีการจราจรหนาแน่น เป็นแหล่งปล่อยฝุ่นขนาดจิ๋ว หรือ PM2.5 มากถึงร้อยละ 50 จากการศึกษาของ Uber พบว่า เราใช้เวลาในการเดินทางบนท้องถนนเฉลี่ย 72 นาทีต่อวัน แทนที่จะได้ใช้เวลากับครอบครัว เล่นกีฬาหรือดูหนัง การจราจรที่ติดขัดไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ตัวเราเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้เกิดการสูญเสียงบประมาณของภาครัฐเพื่อแก้ไขปัญหาจราจร คิดเป็นร้อยละ 2-5 ของ GDP (ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ)
สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จึงร่วมกับ GIZ พยายามแก้ไขปัญหานี้ โดยจัดตั้ง “แผนงานภาคการขนส่งเพื่ออากาศสะอาด” เพื่อปรับปรุงระบบขนส่งสาธารณะให้สะดวกในการเดินทาง โดยมีแนวทางการดำเนินงานดังนี้
- ปรับปรุงระบบขนส่งสาธารณะให้ดึงดูดผู้โดยสาร เช่น การเปลี่ยนรถเมล์ใหม่ การปรับเส้นทางการเดินรถ และการออกแบบระบบเชื่อมต่อการเดินทาง การใช้ระบบตั๋วร่วม และการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะที่สะดวกขึ้น
- กำหนดพื้นที่การปล่อยมลพิษต่ำ การจัดการที่จอดรถ การกำหนดเขตพื้นที่การจราจรหนาแน่น
- ส่งเสริมการจัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนการขนส่งที่ยั่งยืน เพื่อให้เมืองในต่างจังหวัดสามารถจัดหางบประมาณ ให้ดำเนินงานได้เหมือนในกรุงเทพฯ
การประชุมคณะกรรมการภายใต้การกำกับของ สนข. และกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา เห็นชอบกับแนวคิดของแผนงานนี้ โดยให้เริ่มออกแบบรายละเอียดการดำเนินงาน และจัดตั้งคณะทำงาน 3 ชุดเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในแต่ละหัวข้อภายในปีนี้