จากกรุงเทพฯ สู่ฮัมบูร์ก–ออฟเฟินบัค: ก้าวสำคัญของการยกระดับบริการภูมิอากาศเมืองไทย

เยอรมนี, ฮัมบูร์ก–ออฟเฟินบัค (23–27 มิถุนายน พ.ศ. 2568) – การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศรุนแรงขึ้นทุกปี เมืองใหญ่ต้องเผชิญปัญหาเกาะความร้อน น้ำท่วมฉับพลัน มลพิษทางอากาศ และความต้องการพลังงานที่สูงขึ้น การพัฒนา “บริการภูมิอากาศระดับเมือง” จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อสนับสนุนการวางผังเมืองและนโยบายสาธารณะที่สามารถปรับตัวและฟื้นตัวจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การศึกษาดูงานในเยอรมนีครั้งนี้ จัดขึ้นภายใต้โครงการ Urban-Act โดยคณะจากกรมอุตุนิยมวิทยาไทยได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศกับนักวิจัยเยอรมันและนักอุตุนิยมวิทยาเยอรมัน ทั้งในมิติการสร้างแบบจำลอง การวิเคราะห์ข้อมูลภาคสนาม และการประยุกต์ใช้เพื่อบริการสาธารณะ พร้อมต่อยอดความร่วมมือไทย–เยอรมันในอนาคต
เจาะลึกวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศเมืองที่ฮัมบูร์ก

ดร.เดวิด กราเว่ (Dr David Grawe) หัวหน้ากลุ่มวิจัย Mesoscale and Microscale Modelling (MEMI) Canopies
คณะจากกรมอุตุนิยมวิทยาเริ่มต้นการศึกษาดูงานที่ฮัมบูร์ก โดยพบกับ ดร.เดวิด กราเว่ (Dr David Grawe) หัวหน้ากลุ่มวิจัยการศึกษาสภาพภูมิอากาศระดับกลางและระดับจุลภาค (Mesoscale and Microscale Modelling – MeMi) และผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันอุตุนิยมวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยฮัมบูร์ก (UHH) เพื่อเรียนรู้การสร้างแบบจำลองอุณหภูมิ ลม และฝน รวมถึงการตรวจสอบความถูกต้องด้วยข้อมูลจริง

กรมอุตุนิยมวิทยาเข้าเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการอุโมงค์ลมสิ่งแวดล้อม (EWTL)
ไฮไลท์สำคัญคือการเยี่ยมชม ห้องปฏิบัติการอุโมงค์ลมสิ่งแวดล้อม (Environmental Wind Tunnel Laboratory – EWTL) ที่แสดงให้เห็นการไหลของลมและการกระจายตัวของอนุภาคในเมือง ซึ่งเป็นเครื่องมือช่วยออกแบบผังเมืองเพื่อลดเกาะความร้อนและมลพิษทางอากาศ

กรมอุตุนิยมวิทยาเข้าเยี่ยมชมศูนย์คอมพิวเตอร์ภูมิอากาศแห่งเยอรมนี (DKRZ)
คณะฯ ยังได้เยี่ยมชมศูนย์คอมพิวเตอร์ภูมิอากาศแห่งเยอรมนี (DKRZ) ซึ่งใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ด้านภูมิอากาศที่ทรงพลังที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเพื่อประมวลข้อมูลมหาศาลเพื่อสร้างองค์ความรู้ด้านภูมิอากาศเมือง สะท้อนแนวทางที่ไทยสามารถนำมาพัฒนาศูนย์ภูมิอากาศของตนในอนาคต
บูรณาการวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศกับบริการสาธารณะ

ผู้เชี่ยวชาญจาก Helmholtz-Zentrum Hereon ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับคุณภาพอากาศในเมือง และการประยุกต์ใช้แบบจำลองการเคลื่อนที่ของสารเคมีในบรรยากาศ (Chemistry Transport Models – CTMs)
ที่ศูนย์วิจัยเฮล์มโฮลทซ์ เฮเลอน (Helmholtz-Zentrum Hereon) ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยชั้นนำของประเทศเยอรมนี ซึ่งเน้นการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมและวิศวกรรม คณะฯ ได้ศึกษาแบบจำลองChemistry Transport Models (CTMs) ที่ผสานข้อมูลมลพิษ สภาพอากาศ และปฏิกิริยาเคมีในบรรยากาศ แบบจำลองเหล่านี้ใช้ในการสร้างแผนที่คุณภาพอากาศแบบสี่มิติ (3D+เวลา) ทำให้เห็นว่าคุณภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ทั้งรายชั่วโมง รายวัน หรือรายฤดูกาล แบบจำลองนี้ยังสามารถแสดงการกระจายของฝุ่น PM2.5 ในระดับความสูงต่าง ๆ ของพื้นที่เมือง ทำให้การติดตามและคาดการณ์มลพิษแม่นยำมากขึ้น
ยกระดับบริการภูมิอากาศไทยด้วยแนวทางเยอรมัน

คุณโทเบียส ฟุคส์ (สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว) กรรมการบริหารของ DWD ให้การต้อนรับคณะผู้แทนไทย
เมืองออฟเฟินบัคเป็นที่ตั้งของ กรมอุตุนิยมวิทยาของประเทศเยอรมนี (Deutscher Wetterdienst – DWD) ซึ่งมีบทบาททั้งการพยากรณ์อากาศ และการพัฒนานวัตกรรมด้านภูมิอากาศ คณะฯ ได้เรียนรู้หลายประเด็นสำคัญ เช่น
- German Climate Atlas แพลตฟอร์มออนไลน์แบบโต้ตอบที่ให้บริการข้อมูลภูมิอากาศในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต พร้อมฟังก์ชันการแสดงผลเชิงภาพและการเข้าถึงการเชื่อมต่อโปรแกรมประยุกต์ (Application Programming Interface: API) เปิดโอกาสให้นักวิจัย นักพัฒนาแอป และหน่วยงานรัฐเข้าถึงข้อมูล เช่น อุณหภูมิย้อนหลัง 30 ปี หรือค่าฝนเฉลี่ย เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาแอปพลิเคชัน แบบจำลองเมือง และนโยบาย
- ศูนย์ภูมิอากาศปริมาณน้ำฝนโลก (Global Precipitation Climatology Centre – GPCC) ซึ่งมีหน้าที่จัดการข้อมูลปริมาณน้ำฝนทั้งแบบเรียลไทม์และข้อมูลย้อนหลัง ทำกระบวนการประกันคุณภาพและควบคุมคุณภาพ รวมถึงข้อมูลรังสีจากดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นบริการข้อมูลเฉพาะทางที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนภาคพลังงาน

ซ้ายบน: กรมอุตุนิยมวิทยาเยี่ยมชมศูนย์สภาพภูมิอากาศปริมาณน้ำฝนโลก (GPCC) ขวาบน: ผู้เชี่ยวชาญจาก DWD อธิบายถึงวิธีการบูรณาการปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่อง (ML) เข้ากับกระบวนการพยากรณ์ ซ้ายล่าง: ผู้เชี่ยวชาญจากกองภูมิอากาศเมืองและภูมิภาค ได้อธิบายเกี่ยวกับการสร้างแบบจำลองภูมิอากาศในเขตเมือง ขวาล่าง: ศูนย์พยากรณ์และให้คำแนะนำ (VBZ)
- การหารือเกี่ยวกับระบบการสร้างแบบจำลอง การลดขนาดแบบจำลองเชิงสถิติ (statistical downscaling) และเทคนิคการประมวลผลภายหลัง (post-processing) เพื่อเพิ่มความแม่นยำของบริการและผลิตภัณฑ์ด้านภูมิอากาศ
- การหารือเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) ที่ช่วยยกระดับความแม่นยำและความสามารถในการตอบสนองต่อสถานการณ์
- การศึกษาแบบจำลอง PALM-4U ซึ่งเป็นเครื่องมือจำลองขั้นสูงสำหรับสภาพแวดล้อมเมืองที่ซับซ้อน
- ศูนย์พยากรณ์และให้คำแนะนำ (Forecast and Advisory Center – VBZ) ซึ่งทำหน้าที่ ติดตาม ตรวจวิเคราะห์ และออกคำเตือนหรือคำแนะนำด้านอุตุนิยมวิทยา เช่น พายุรุนแรง ฝนตกหนัก หิมะจัด คลื่นความร้อน หมอกควัน ฯลฯ เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจของหน่วยงานรัฐ ภาคการบิน การเดินเรือ การคมนาคม หน่วยกู้ภัย และประชาชนทั่วไป
- ห้องปฏิบัติการติดตามกัมมันตภาพรังสี (Radioactivity Monitoring Lab)ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการระดับชาติ สำหรับการติดตามอนุภาคกัมมันตรังสีในอากาศและน้ำฝน จัดทำการวิเคราะห์ และสนับสนุนระบบความปลอดภัยด้านนิวเคลียร์และการคุ้มครองพลเรือนของประเทศเยอรมนี
เส้นทางสู่ความร่วมมือระยะยาว
- จากการศึกษาดูงานครั้งนี้ คณะผู้แทนจากกรมอุตุนิยมวิทยาของทั้งสองประเทศได้หารือและตกลงประเด็นสำคัญสำหรับความร่วมมือระยะยาว ได้แก่
- การฝึกอบรม และวิจัยร่วมด้านแบบจำลองภูมิอากาศเมืองเฉพาะพื้นที่ ภายใต้โครงการ Urban-Actโดย ดร.ชลัมภ์ อุ่นอารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลภูมิอากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา จะเข้าร่วมโครงการวิจัยระยะสั้นที่ DWD เพื่อผลักดันความร่วมมือสู่การปฏิบัติ
- โอกาสในการสร้างความร่วมมือกับโครงการ Climate Field School ของกรมอุตุนิยมวิทยาของไทย กับแผนกอุตุนิยมวิทยาเกษตรของเยอรมนี เพื่อส่งเสริมการจัดทำปฏิทินการปลูกที่อิงข้อมูลสภาพภูมิอากาศ สนับสนุนเกษตรกรรมยั่งยืนในประเทศไทย
ผลลัพธ์และความหมายต่อไทย
การศึกษาดูงานครั้งนี้ได้ยกระดับองค์ความรู้และทักษะด้านวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาไทย โดยเฉพาะในประเด็นแบบจำลองเชิงลึก การใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อบริการสาธารณะ
ปัจจุบัน โครงการ Urban-Act ได้นำข้อมูลภูมิอากาศระดับเมืองไปใช้ในการวางผังเมืองในจังหวัดขอนแก่น เชียงใหม่ และภูเก็ต ซึ่งเป็นพื้นที่นำร่อง โดยสร้างแผนที่ภัยพิบัติเพื่อสนับสนุนการปรับตัวต่อปัญหาน้ำท่วม ความร้อน และมลพิษ การต่อยอดจากประสบการณ์ที่เยอรมนีครั้งนี้จึงไม่เพียงเสริมศักยภาพของไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญสู่การสร้างเมืองที่ปลอดภัย ยั่งยืน และพร้อมรับมืออนาคต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง