งานมอบรางวัล Eco-Design Sparking Innovation Award

(จากซ้ายไปขวา) ผู้ชนะรางวัลจากมหาวิทยาลัยและโรงเรียนที่เข้าร่วม, อัลวาโร ซูริตา ผู้อำนวยการโครงการ MA-RE-DESIGN, GIZ ประจำประเทศไทย, ผานิต รัตนสุข ผู้อำนวยการกองจัดการของเสียและสารอันตราย กรมควบคุมมลพิษ (คพ.), ลิกกี้-ลี พิทเซน เลขานุการเอก สถานเอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ประจําประเทศไทย, ศ.ดร. หทัยกานต์ มนัสปิยะ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีปิโตรเคมีและวัสดุ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย และผู้ชนะรางวัลจากกลุ่มธุรกิจ SMEs และสตาร์ทอัพ
กรุงเทพฯ, 11 มิถุนายน พ.ศ. 2568 – โครงการการลดการใช้ การออกแบบที่ยั่งยืน และการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์พลาสติกเพื่อป้องกันขยะในทะเล (MA-RE-DESIGN) ดำเนินงานโดยองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ประจำประเทศไทย จัดพิธีมอบรางวัล “Eco-Design Sparking Innovation Award” ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา
งานนี้จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการออกแบบบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และขับเคลื่อนแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนในการออกแบบเชิงนิเวศเศรษฐกิจ (Eco-Design) ในประเทศไทย โดยรวบรวมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักในระบบนิเวศพลาสติก ทั้งหน่วยงานนโยบายและภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา รวมถึงสื่อมวลชนและประชาชน ถือเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมการออกแบบผลิตภัณฑ์อย่างยั่งยืน และสนับสนุนนวัตกรรมที่โดดเด่นซึ่งประยุกต์ใช้หลักการออกแบบเชิงนิเวศและการออกแบบเพื่อการรีไซเคิล (Design for Recycling – D4R) ซึ่งเป็นแนวคิดสำคัญในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย

การประกวด Eco-Design Sparking Innovation Award ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก มีผู้ส่งผลงานนวัตกรรมเข้าร่วมการประกวดทั้งสิ้น 113 ราย โดยมีผลงาน 35 ชิ้นที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายใน 3 ประเภท ดังนี้:
1) กลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
ได้รับ 2 รางวัลในหมวดหมู่บรรจุภัณฑ์ที่ไม่ใช่กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม:
- รางวัลชนะเลิศ Excellent Eco-design Award ได้แก่ บริษัท ทีพีเอ็น เฟล็กซ์แพค จำกัด
- รางวัลชนะเลิศ Sustainable Visionary Award ได้แก่ บริษัท เออร์มี่ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด
2) กลุ่มประชาชนทั่วไปและสตาร์ทอัพ
ได้รับ 1 รางวัลในหมวดหมู่นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน:
- รางวัลชนะเลิศ Excellent Eco-design Award ได้แก่ ดร.ตติยา ตรงสถิตกุล
3) กลุ่มนักเรียนและนักศึกษา 3 รางวัล:
- รางวัลชนะเลิศ Excellent Eco-design Award ในหมวดหมู่บรรจุภัณฑ์ที่ไม่ใช่กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่ กฤษฎีกา พันธุวิทย์
- รางวัลชนะเลิศ Sustainable Visionary Award ในหมวดหมู่บรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่ ณภัค ราศีชัย และธรณัส บัญชาศักดิ์
- รางวัลชนะเลิศ Rising Star Award ในหมวดหมู่นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน ได้แก่ ศศิร์กร ทาร่อน ปุณณภา ลิ้มธนาคม และพิมพิศา แก้วกิ่ง

ลิกกี้-ลี พิทเซน เลขานุการเอกฝ่ายการเมืองและวัฒนธรรม สถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย กล่าวว่า “ในประเทศเยอรมนี แนวคิด Eco-Design ไม่ใช่เพียงแค่ทฤษฎี แต่เป็นหลักการสำคัญที่ใช้ในการขับเคลื่อนนวัตกรรม ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม โดยการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ เราสามารถลดผลกระทบที่เกิดขึ้นตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การผลิต การใช้งาน ไปจนถึงการกำจัดหรือการนำกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นท่ามกลางความท้าทายระดับโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการขาดแคลนทรัพยากร”

ผานิต รัตสุข ผู้อำนวยการกองจัดการกากของเสียและสารอันตราย กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวเพิ่มเติมว่า “กรมควบคุมมลพิษ ในฐานะหน่วยงานหลักด้านการจัดการของเสีย ได้ดำเนินการตามแผนที่นำทางการจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561–2573 มาอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อลดและยุติการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (single-use plastics) ส่งเสริมการใช้ซ้ำ และเพิ่มอัตราการรีไซเคิลในประเทศไทย อีกหนึ่งภารกิจสำคัญคือการส่งเสริมการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้ (Design for Recycling – D4R) โดยได้จัดทำแนวทางสำหรับบรรจุภัณฑ์ 3 ประเภท ได้แก่ ขวด PET (พอลิเอทิลีน เทเรฟทาเลต) สำหรับน้ำดื่ม, บรรจุภัณฑ์ HDPE (พอลิเอทิลีนความหนาแน่นสูง) สำหรับผลิตภัณฑ์ของใช้ในบ้าน และของใช้ส่วนบุคคล และภาชนะพลาสติก PP (โพลีโพพีลิน) ชนิดแข็งสำหรับอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งล้วนเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก แนวทาง D4R ไม่ได้เป็นเพียงเอกสารเชิงนโยบาย แต่ได้ถูกบูรณาการไว้ในการประกวด Eco-Design ครั้งนี้ โดยเฉพาะในหมวดบรรจุภัณฑ์ ผู้เข้าแข่งขันได้รับการส่งเสริมให้นำหลักการ D4R ไปประยุกต์ใช้จริง ซึ่งช่วยส่งเสริมความเข้าใจในเชิงปฏิบัติให้กับนักออกแบบรุ่นใหม่ และขยายผลไปยังภาคธุรกิจอย่างต่อเนื่อง”

อัลวาโร ซูริตา ผู้อำนวยการโครงการ MA-RE-DESIGN, GIZ ประจำประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “รางวัล Eco-Design Sparking Innovation Award เป็นกิจกรรมสำคัญภายใต้โครงการ MA-RE-DESIGN ซึ่ง GIZ ดำเนินการในนามของกระทรวงสิ่งแวดล้อม การดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ การอนุรักษ์ธรรมชาติ ความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ และการคุ้มครองผู้บริโภคของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (BMUKN) โดยความร่วมมือกับกรมควบคุมมลพิษ โครงการฯ มุ่งส่งเสริมการออกแบบผลิตภัณฑ์อย่างยั่งยืน และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาแนวทางเชิงนโยบายด้าน Eco-Design และ D4R ในประเทศไทย รวมถึงการสนับสนุนให้ไทยสามารถสอดรับกับแนวโน้มความยั่งยืนระดับโลก เช่น กฎระเบียบว่าด้วยผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนของสหภาพยุโรป (ESPR) รวมถึงกฎระเบียบว่าด้วยบรรจุภัณฑ์และของเสียจากบรรจุภัณฑ์ (PPWR)”

สุนทร ยงค์วิบูลศิริ ที่ปรึกษาและผู้ประสานงานกลุ่ม Eco-Design จากสถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม (TIPMSE) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า “TIPMSE กำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับภาคีภายในประเทศและเครือข่ายระดับสากล เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมไทยในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน โดยสถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม (TIPMSE) นอกจากการพัฒนากลไก EPR สำหรับบรรจุภัณฑ์ เรากำลังขยายแนวทาง D4R ซึ่งจะช่วยสนับสนุน EPR ให้เกิดประสิทธิภาพไปยังบรรจุภัณฑ์ประเภทอื่น ๆ มากขึ้น พร้อมผลักดันให้เกิดไกด์ไลน์และพัฒนาสู่มาตรฐานในอนาคต โดยที่สามารถนำไปใช้ได้จริง มีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ และสามารถส่งออกได้อย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ เรายังจัดกิจกรรมรับฟังความคิดเห็นในการร่างไกด์ไลน์ Eco-Design สำหรับผู้ประกอบการรายใหญ่และ SME เพื่อสนับสนุนการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ทั้งสามารถรีไซเคิลได้ และตอบโจทย์ตลาดโลก พร้อมทั้งสร้างเวทีความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ ผู้แปรรูปวัสดุ เจ้าของแบรนด์ ผู้จัดการของเสีย และภาคการรีไซเคิล เพื่อขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ”
ภายในงานยังมีการจัดแสดงผลงานที่ได้รับรางวัลจากผู้เข้าแข่งขันทั่วประเทศจากหลายสถาบันและองค์กร พร้อมแนวคิดในการออกแบบของชิ้นงานนั้นๆ โดยงาน Eco-Design Sparking Innovation Award 2025 นี้ถือเป็นเวทีสำคัญในการเชื่อมโยงแนวคิดนวัตกรรมกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมผ่านการมีส่วนร่วมของภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาสังคมอย่างเป็นรูปธรรม ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม @ecodesigninnovationaward2025 หรืออีเมล: giz.innovationaward2025@gmail.com
เกี่ยวกับโครงการ MA-RE-DESIGN
โครงการการลดการใช้ การออกแบบที่ยั่งยืน และการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์พลาสติกเพื่อป้องกันขยะในทะเล (Marine Litter Prevention through Reduction, Sustainable Design and Recycling of Plastic Packaging: MA-RE-DESIGN) ดำเนินการโดย GIZ ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐบาลเยอรมันที่ดำเนินงานด้านความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกระทรวงสิ่งแวดล้อม การดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ การอนุรักษ์ธรรมชาติ และความปลอดภัยทางนิวเคลียร์แห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (BMUKN) และร่วมมือกับกรมควบคุมมลพิษ ภายใต้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทย พร้อมด้วยพันธมิตรโครงการ ได้แก่ องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) สำนักงานประเทศเยอรมนี และสำนักงานประเทศไทย และสํานักงานประสานงานทางทะเลภูมิภาคเอเชียตะวันออก (COBSEA) โดยโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) เพื่อสนับสนุน Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561 – 2573 และแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 – 2570)
เกี่ยวกับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ)
องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน หรือ GIZ (จีไอแซด) เป็นองค์กรของรัฐบาลเยอรมนีที่ดำเนินงานด้านความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งมุ่งทำงานเพื่อออกแบบอนาคตที่น่าอยู่สำหรับผู้คนทั่วโลก ด้วยประสบการณ์กว่า 50 ปีในการดำเนินงานในหลากหลายสาขา GIZ ทำงานร่วมกับภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม และสถาบันวิจัยมากมาย เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านนโยบายการพัฒนาในสาขาต่างๆ ตลอดจนสนับสนุนกิจกรรมในการดำเนินงานให้บรรลุผลสำเร็จ
GIZ ดำเนินโครงการในประเทศไทยไปแล้วกว่า 500 โครงการเพื่อส่งเสริมประเทศไทยในการบรรลุเป้าหมายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนตั้งแต่ พ.ศ. 2502 ซึ่งเป็นปีที่ความร่วมมือไทย-เยอรมันเริ่มต้นอย่างเป็นทางการจากการก่อตั้งโรงเรียนอาชีวศึกษาไทย-เยอรมัน โดยความร่วมมือไทย-เยอรมันดำเนินงานตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน (Agenda 2030) รวมถึงเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) และสนธิสัญญาในระดับนานาชาติ
สำนักงานใหญ่ของ GIZ ตั้งอยู่ที่เมืองบอนน์และเมืองเอชบอร์น สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี โดยในปี พ.ศ. 2566 GIZ ได้รับเงินสนับสนุนการดำเนินงานกว่า 152 พันล้านบาท (4 พันล้านยูโร) GIZ ดำเนินงานใน 120 ประเทศทั่วโลก และมีพนักงานรวม 25,634 คน ซึ่งร้อยละ 70 เป็นคนในประเทศ
*ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2566